xs
xsm
sm
md
lg

CZ เดือด! เดินหมากยื่นศาลสหรัฐ ฯ ขอให้ยกฟ้องคดีโยง FTX มูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ฉางเผิง จ้าว” หรือ “CZ” อดีตซีอีโอ Binance
อดีตซีอีโอ Binance ปะทะศึกกฎหมายกลางศาลล้มละลายเดลาแวร์ หลัง FTX กล่าวหาว่าโอนเงินคริปโตฉ้อโกงร่วม 1.8 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อหุ้นคืน โดย CZ สวนกลับว่าไม่เกี่ยวข้อง พร้อมยื่นคำร้องขอยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ชี้ FTX เองคือองค์กรฉ้อโกงที่ใช้เงินลูกค้าอย่างผิดวัตถุประสงค์ พร้อมแฉเบื้องหลังที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นของ TradFi และวงการคริปโตทั่วโลก

สงครามระหว่างอดีตยักษ์ใหญ่สองแห่งของโลกคริปโตยังคงคุกรุ่น เมื่อ “ฉางเผิง จ้าว” หรือ “CZ” อดีตซีอีโอ Binance ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายแห่งรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา เพื่อขอให้ยกฟ้องคดีความที่ FTX ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลค่ามหาศาล 1.8 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าเป็นการโอนคริปโตอย่างฉ้อโกงในข้อตกลงซื้อหุ้นคืนช่วงปี 2564

FTX ภายใต้การควบคุมของทีมทนายความซึ่งได้รับแต่งตั้งหลังล้มละลาย กล่าวหาว่า การซื้อหุ้นคืนจาก Binance เกิดจากการที่ Sam Bankman-Fried (SBF) ผู้ก่อตั้ง FTX ใช้เงินลูกค้าอย่างไม่ชอบธรรมเพื่อให้ดีลสำเร็จ ท่ามกลางความพยายามของผู้บริหารใหม่ที่จะกอบกู้เงินคืนแก่เจ้าหนี้สูงสุด

อย่างไรก็ตาม CZ ยืนยันว่าเขา “ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง” กับการโอนคริปโตในลักษณะดังกล่าว พร้อมแย้งว่าทุกส่วนของข้อตกลงเกิดขึ้นนอกสหรัฐฯ โดย Binance ดำเนินการผ่านบริษัทในไอร์แลนด์ หมู่เกาะเคย์แมน และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (BVI) ส่วน Alameda Ltd ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ FTX ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ใน BVI เช่นกัน

“ข้อกล่าวหานี้ห่างไกลจากเขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ จนไม่สามารถนำกฎหมายในประเทศมาใช้บังคับได้” ทนายความของ CZ ระบุ

ในคำร้องต่อศาล CZ ย้ำว่า เขาไม่ใช่ผู้โอนเงินคริปโต และไม่มีอำนาจควบคุมทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง โดยโทเค็นที่ใช้ในดีลประกอบด้วย Binance USD (BUSD) และ FTX Token (FTT) โดยโจทก์ไม่ได้กล่าวหาว่า CZ เป็นผู้รับผลประโยชน์จากคริปโตดังกล่าวแต่อย่างใด

ที่มา ฉางเผิง จ้าว หรือ CZ
ทนายของ CZ ยังชี้แจงว่า CZ เป็นเพียง “คู่สัญญาในนาม” เท่านั้น มิได้เป็นผู้ปฏิบัติการโอนสินทรัพย์โดยตรง และการโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X (อดีต Twitter) ของเขานั้น ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ FTX ล่มสลาย

ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 หลังสื่อ CoinDesk เปิดเผยว่า FTX มีฐานะทางการเงินที่เปราะบางจากการถือ FTT เป็นหลัก CZ ได้โพสต์ข้อความว่า Binance จะขาย FTT ทั้งหมดที่ถืออยู่ เป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่

FTX มองว่าการโพสต์นั้นเป็นกลยุทธ์ “กดดันทางจิตวิทยา” เพื่อจูงใจให้เกิดการถอนเงินอย่างตื่นตระหนก และนำไปสู่จุดจบของแพลตฟอร์ม แต่ CZ โต้ว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นการแสดงออกตามปกติของนักลงทุน และ FTX เองคือผู้ที่สมควรถูกตำหนิในฐานะองค์กรฉ้อโกง

“แม้โพสต์จะมีผลต่อจังหวะการล่มสลายของ FTX แต่บริษัทนี้ไม่มีความชอบธรรมในการดำรงอยู่ตั้งแต่ต้น และการกล่าวโทษผู้เปิดโปงย่อมไม่ต่างอะไรกับการโยนบาปให้ผู้แจ้งเบาะแสในคดีแชร์ลูกโซ่” ทีมทนายของ CZ ระบุในคำร้องอย่างเผ็ดร้อน

นอกจากตัวของ CZ แล้ว FTX ยังได้ยื่นฟ้องอดีตผู้บริหาร Binance อีก 2 ราย ได้แก่ ซามูเอล เหวินจวิ้น ลิม อดีต Chief Compliance Officer และ ติงหัว เซียว ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายตำแหน่ง โดยทั้งสองก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ยกฟ้องในเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ด้านกฎหมาย CZ เคยรับโทษจำคุก 4 เดือนเมื่อปี 2567 จากคดีฟอกเงิน ขณะที่ SBF ถูกตัดสินโทษจำคุก 25 ปีในปีเดียวกันจากบทบาทสำคัญในการล่มสลายของ FTX ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

ขณะนี้ Binance เองก็พยายามยกฟ้องคดีที่ FTX ยื่นไว้ โดยให้เหตุผลว่าคดีดังกล่าว “มีข้อบกพร่องทางกฎหมาย” และ FTX เองก็คือหนึ่งในกรณีฉ้อโกงองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินสมัยใหม่

ประเด็นร้อนนี้จึงไม่ใช่แค่ข้อพิพาทเชิงพาณิชย์ธรรมดา หากแต่สะท้อนความเปราะบางของระบบนิเวศคริปโต ที่กำลังถูกแสงสปอตจากกฎหมายและความเชื่อมั่นของนักลงทุนส่องอย่างเข้มข้นกว่าที่เคย