ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise ออกโรงเตือน ตลาดคริปโตอาจยังประเมิน “วิสัยทัศน์ใหม่” ของ SEC ต่ำเกินไป หลังสุนทรพจน์สุดร้อนแรงจากประธานพอล แอทส์กิ้น เปิดแผนผสานบล็อกเชนเข้าระบบการเงิน พร้อมเดินหน้ากำกับคริปโตอย่างเป็นมิตร ย้ำ “ยังไม่ถูกสะท้อนในราคา” ขณะที่ราคาบิตคอยน์พุ่งต่อเนื่อง โหนกระแสผู้นำใหม่
ตลาดคริปโตอาจยังไม่สะท้อนศักยภาพของจุดเปลี่ยนเชิงนโยบายจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อย่างเต็มที่ นี่คือมุมมองล่าสุดจากแม็ท ฮูแกน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise ผู้ให้บริการกองทุนคริปโตรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังก่อตัว อาจเขย่าภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับรากฐาน
แม็ท ฮูแกน ระบุว่าสุนทรพจน์ล่าสุดของ พอล แอทส์กิ้น ประธาน SEC คนใหม่ ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ณ America First Policy Institute นั้น “ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน” โดยเฉพาะการเปิดเผยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการบูรณาการเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับระบบการเงินของสหรัฐฯ และการส่งสัญญาณว่าหน่วยงานจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดออนเชนในอนาคต
“มันคือเอกสารที่ทรงพลังที่สุดเกี่ยวกับคริปโตที่ผมเคยอ่าน ไม่ใช่โพสต์จากชาว Twitter แต่เป็นวิสัยทัศน์จากประธาน SEC โดยตรง” แม็ท ฮูแกน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมระบุว่า หากอ่านสุนทรพจน์ฉบับนี้จบ ไม่มีเหตุผลใดที่นักลงทุนจะไม่เร่งจัดสรรพอร์ตลงทุนให้คริปโตเป็นสัดส่วนหลัก หรือหากคุณทำงานด้านการเงิน ก็แทบจะต้องย้ายอาชีพไปในทิศทางเดียวกัน
การเปลี่ยนผ่านอำนาจใน SEC ภายหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การลาออกของอดีตประธานแกรี่ เจนส์เลอร์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม และการเข้ารับตำแหน่งของ พอล แอทส์กิ้น เมื่อ 21 เมษายน ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาบิทคอยน์ให้ทะยานทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
พอล แอทส์กิ้น ไม่เพียงยุติการบังคับใช้กฎหมายกับบริษัทคริปโตระยะยาว แต่ยังประกาศเปิดตัว “Project Crypto” โครงการพัฒนาแนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจนและเป็นมิตรกับนวัตกรรม
อย่างไรก็ตามฮูแกน เตือนว่า ตลาดอาจยังไม่ตระหนักถึงนัยยะที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงนี้
“ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าต้องคิดให้ไกลขึ้น เร็วขึ้น และลึกขึ้น และถ้าผมยังไม่คิดแบบนั้น ผมเดาว่าคนอื่นก็คงไม่คิดเช่นกัน” เขากล่าว
SEC กับวิสัยทัศน์ใหม่ ปักธง "Blockchain และ Super App คืออนาคต"
ในสุนทรพจน์ของพอล แอทส์กิ้น ได้พูดถึงแนวทางที่ SEC จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดออนเชน แต่จะส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านของสินทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือแม้แต่ดอลลาร์ ให้เข้าสู่ระบบบล็อกเชนสาธารณะ
ขณะที่ฮูแกนวิเคราะห์ว่า นี่เป็นการส่งสัญญาณเชิงนโยบายครั้งสำคัญ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง นักลงทุนควรมีสัดส่วนการลงทุนในบล็อกเชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พร้อมกันนี้พอล แอทส์กิ้น ยังได้กล่าวถึง “ซูเปอร์แอป” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการทางการเงินแบบครบวงจรที่ Coinbase และ Robinhood กำลังพัฒนาอยู่ โดยฮูแกนเชื่อว่านี่อาจเป็นต้นแบบของบริษัทการเงินแห่งอนาคต ที่อาจมีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในไม่ช้า
“พูดตรง ๆ เลยนะ บริษัทเหล่านี้อาจกลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการเงินรายต่อไปของโลก และ พอล แอทส์กิ้น เพิ่งมอบโรดแมปให้พวกเขา” ฮูแกน กล่าว
DeFi จากเงามืดสู่แสงสว่างแห่งโอกาส
ฮูแกน ยังให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงใน SEC ครั้งนี้อาจเป็นหมุดหมายสำคัญของการฟื้นฟูอุตสาหกรรม DeFi ที่ต้องทนอยู่ในสภาพแวดล้อมกฎระเบียบสีเทามานาน
ในสุนทรพจน์ พอล แอทส์กิ้น ยอมรับว่า DeFi จะมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินยุคใหม่ พร้อมแสดงท่าทีเปิดรับแนวทางกำกับดูแลที่เป็นมิตรและมีความชัดเจนมากขึ้น
“หาก DeFi ได้รับความชัดเจนจากภาครัฐ โอกาสในการเติบโตอาจขยายขึ้น 10 เท่า 50 เท่า หรือ 100 เท่า เมื่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมเริ่มผสานเข้ากับคริปโตเต็มรูปแบบ” ฮูแกนกล่าวปิดท้ายอย่างมั่นใจ
สุนทรพจน์ของประธาน SEC คนใหม่กำลังเขย่าความเชื่อเดิม ๆ ในตลาดคริปโต และอาจเป็นชนวนสำคัญที่จุดประกายการปรับทิศทางการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสินทรัพย์ดิจิทัล