xs
xsm
sm
md
lg

กลยุทธ์ ‘Strategy’ เดินเกมใหญ่ เท 2.5 พันล้านเหรียญซื้อบิทคอยน์ดันคลังครอง 62% ของตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัท Strategy ปิดดีล IPO ระดมทุนทะลุ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทุ่มซื้อบิทคอยน์ รอบใหม่กว่า 21,000 เหรียญในคราวเดียว ดันยอดถือครองรวมทะยานสู่ 628,791 BTC คิดเป็น 62.3% ของบิทคอยน์ในมือบริษัทยักษ์ทั่วโลก โดยบริษัทเปิดเกมเชิงรุกผ่าน STRC หุ้นบุริมสิทธิ์ตัวล่าสุดที่เตรียมเปิดตลาด Nasdaq พรุ่งนี้ พร้อมเขย่าอุตสาหกรรมทุนด้วยโมเดลจ่ายปันผลรายเดือนอย่างเป็นทางการ

การเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัท Strategy สร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกคริปโตและแวดวงการเงินอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากบริษัทปิดดีลเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ประเภทหุ้นบุริมสิทธิ์ถาวรซีรีส์ A ภายใต้ชื่อ “Stretch” (STRC) ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 2.521 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมประกาศนำรายได้ทั้งหมดเข้าสู่การซื้อบิทคอยน์ทันที

ตามข้อมูลที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม Strategy ได้เข้าซื้อบิทคอยน์จำนวน 21,021 BTC ในราคาถัวเฉลี่ย 117,256 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหรียญ ส่งผลให้บริษัทถือครอง BTC ทั้งสิ้น 628,791 เหรียญ คิดเป็นต้นทุนรวมกว่า 46.8 พันล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ย 73,227 ดอลลาร์ต่อ BTC

เมื่อเทียบกับข้อมูลจาก Bitcoin Treasuries ถือว่าบริษัทครองสัดส่วนเหรียญ BTC ในมือสูงถึง 62.3% ของทั้งหมดที่ถือโดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก

ราคาหุ้น STRC ถูกกำหนดไว้ที่ 90 ดอลลาร์ต่อหุ้น จำนวนทั้งสิ้น 28,011,111 หุ้น และคาดว่าจะเริ่มทำการซื้อขายในกระดาน Nasdaq Global Select วันที่ 30 กรกฎาคมนี้ตามเวลาท้องถิ่น

ขณะที่รายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายจากการเสนอขายอยู่ที่ประมาณ 2.474 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง Strategy ได้นำมาใช้ในการลงทุน BTC ครั้งใหญ่ในรอบปี โดยมองว่า STRC จะเป็นทั้งโมเดลระดมทุนใหม่ และเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง “คลังทุนดิจิทัล” ที่ต่อเนื่องและยั่งยืน

IPO ใหญ่สุดในสหรัฐฯ ปี 2568

กลยุทธ์ IPO ครั้งนี้ถูกวางหมากมาอย่างแยบยล โดย Strategy นิยาม STRC ว่าเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในปี 2568 โดยหากพิจารณาจากรายได้รวม อีกทั้งยังเป็นหลักทรัพย์ประเภทหุ้นบุริมสิทธิ์ถาวรที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ

STRC จะถูกจัดอยู่ในหมวดสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนรายเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทจะใช้โมเดล “เงินปันผลรายเดือน” ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่บ่งชี้ว่า Strategy กำลังวางตัวเองเป็นทั้งผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้สร้างแพลตฟอร์มลงทุนใหม่ที่ผสานระหว่างโลกการเงินเก่าและใหม่

เปิดตัวหุ้นใหม่รายไตรมาส เดินหมากดึงเม็ดเงินเข้าคลัง BTC

STRC ถือเป็นหุ้นตัวที่ 4 ที่เปิดตัวภายในปีนี้ของ Strategy ต่อเนื่องจาก 3 รุ่นก่อนหน้านี้ ได้แก่

1.STRK (Strike) : เปิดขายเมื่อ 9 มีนาคม เสนอเงินปันผลคงที่ 8%
2.STRF (Strife) : เปิดตัว 17 มีนาคม พร้อมอัตราปันผล 10%
3.STRD (Stride) : IPO ที่ราคา 85 ดอลลาร์ต่อหุ้น และต่อยอดด้วยโปรแกรม ATM (at-the-market) มูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่การออกหุ้นแบบต่อเนื่องพร้อมดอกเบี้ยสูงสะท้อนความตั้งใจของ Strategy ที่จะดึงนักลงทุนรายใหญ่เข้าสู่ระบบการเงินที่ยึดโยงกับบิทคอยน์เป็นแกนกลาง แทนที่จะฝากความหวังไว้กับตลาดหุ้นเพียงด้านเดียว

พาร์ทเนอร์ใหญ่จาก Wall Street ร่วมลงขัน

การเสนอขาย STRC ครั้งนี้ยังได้กลุ่มธนาคารและโบรกเกอร์ระดับแนวหน้าเป็นผู้รับประกันการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น Morgan Stanley, Barclays, Moelis & Company และ TD Securities พร้อมทีมสนับสนุนอย่าง The Benchmark Company, Clear Street และ Maxim Group

นอกจากนี้การจัดโครงสร้างผ่านระบบ “shelf registration” และการออก Final Prospectus อย่างเป็นทางการกับ SEC ยังเป็นอีกหนึ่งหลักฐานความตั้งใจจริงของ Strategy ที่จะเดินหน้าเข้าสู่ระบบตลาดทุนอย่างมีระเบียบ

อย่างไรก็ตาม หากมองจากมุมเศรษฐกิจดิจิทัล การที่ Strategy ใช้หุ้นบุริมสิทธิ์เป็นเครื่องมือระดมทุนเพื่อซื้อ BTC อย่างต่อเนื่อง สะท้อนความพยายามสร้างฐานทุนแบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดทุนเดิมหรือกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้การถือครอง BTC ในระดับกว่า 600,000 เหรียญในพอร์ต ทำให้ Strategy กลายเป็น "มหาอำนาจเงินดิจิทัล" ที่มีอิทธิพลต่อเสถียรภาพของราคา BTC ระดับโลก และอาจก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทางความเชื่อมั่นในตลาดเมื่อใดก็ตามที่บริษัทตัดสินใจขาย

ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างหุ้น STRC ที่มีนโยบายปันผลรายเดือนอาจดึงดูดกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการ "รายได้แน่นอนจากสินทรัพย์ไม่แน่นอน" เข้าสู่ตลาดคริปโตได้มากขึ้น และเปลี่ยนโฉมหน้าการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจาก “การเก็งกำไร” ไปสู่ “การลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ” อย่างมีนัยสำคัญ

"เมื่อการถือครอง BTC กลายเป็นแผนยุทธศาสตร์เชิงโครงสร้าง ไม่ใช่แค่การเก็งกำไรระยะสั้น โลกการเงินแบบเก่ากำลังถูกเขย่าจากภายในโดยผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่เคยมีชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ของ Wall Street มาก่อน" นักวิเคราะห์การลงทุน กล่าว