Block บริษัทฟินเทคของ แจ็ค ดอร์ซีย์ อดีตซีอีโอ Twitter ผงาดสู่ดัชนี S&P 500 อย่างเป็นทางการ 23 ก.ค.นี้ พร้อมชื่อเสียงฐานะ “คลัง Bitcoin หมื่นล้าน” แต่เบื้องหลังยังคงมีคดีอื้อฉาวจาก Cash App ที่เคยถูกหน่วยงานสหรัฐฯ ฟ้องเรื่อง BSA/AML ปมตรวจสอบธุรกรรม BTC หละหลวม กลายเป็นบททดสอบว่าชื่อเสียงในโลกคริปโตจะกลบ “รอยด่าง” ด้านกฎระเบียบได้หรือไม่
บริษัท Block Inc. ของ แจ็ค ดอร์ซีย์ มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ประกาศชัยชนะครั้งใหญ่ ด้วยการ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสมาชิกใหม่ของดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นที่สะท้อนขุมพลังของบริษัทอเมริกันระดับแถวหน้า
Block ซึ่งเดิมรู้จักกันในชื่อ “Square” คือบริษัทฟินเทคที่ให้บริการระบบชำระเงินอย่าง Cash App และยังมีบทบาทเด่นในโลกคริปโต โดยเฉพาะการถือครอง Bitcoin ในฐานะบริษัทมหาชนอันดับ 12 ของโลกที่ถือเหรียญไว้ในคลังสูงถึง 8,584 BTC หรือราว 1.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เวลาปัจจุบัน
“Block ไม่ได้แค่เป็นบริษัทฟินเทค แต่กำลังกลายเป็น ‘Bitcoin Treasury Company’ ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”
บริษัทเปิดเผยว่า การเข้าคำนวณ S&P 500 จะมีผลตั้งแต่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญที่ส่งสัญญาณว่าโลกการเงินดั้งเดิม (TradFi) กำลังยอมรับ “ธุรกิจคริปโต” เข้ามาอยู่ในเกมเศรษฐกิจระดับชาติอย่างจริงจัง
คดีมืด Cash App ยังตามหลอกหลอน แจ็ค ดอร์ซีย์ ไม่เลิก
แต่ในขณะที่ Block กำลังเดินพรมแดงเข้าสู่ Wall Street ความจริงที่ขมขื่นยังตามหลอกไม่ห่างเมื่อ บริษัทเพิ่งผ่านการยอมความกับกรมบริการทางการเงินนิวยอร์ก (NYDFS) หลังตกเป็นเป้าในคดี ละเมิดกฎหมายความลับทางการธนาคาร (BSA) และกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML)
NYDFS ระบุว่า Block ปล่อยปละละเลยกระบวนการตรวจสอบลูกค้าในบริการ Cash App โดยเฉพาะการโอนบิทคอยน์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2561 ทั้งยังไม่มีระบบป้องกันที่เพียงพอในการคัดกรองธุรกรรมผิดปกติหรือกิจกรรมผิดกฎหมาย ส่งผลให้ธุรกรรม BTC บางส่วนดำเนินไปโดยไม่สามารถระบุตัวตนได้
นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับฯ ยังชี้ว่าระหว่างปี 2562–2563 ที่บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด Block ไม่สามารถจัดการกับธุรกรรมคั่งค้างได้ทันเวลา และไม่มีการลงมือแก้ไขปัญหาเชิงระบบให้รัดกุม
แม้สุดท้าย Block จะยอมความและหลุดพ้นจากการฟ้องร้องในขั้นต้น แต่คดีนี้ตอกย้ำจุดอ่อนสำคัญของบริษัทฟินเทคที่ “โตเร็วแต่ควบคุมยาก” โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่กฎระเบียบยังไล่ไม่ทันเทคโนโลยี
จาก “บริษัทเงินดิจิทัล” สู่ “แรงเขย่าดัชนี S&P 500”
การเข้าสู่ดัชนี S&P 500 ไม่ใช่เพียงการรับรองความมั่นคงของบริษัท แต่ยังส่งผลต่อการมองภาพลักษณ์ของ “คริปโต” ในสายตานักลงทุนสถาบัน เพราะ Block ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทที่ถือบิทคอยน์แต่มันรวมไปถึงการลงทุนหนักทั้งในระบบกระเป๋าคริปโต (Bitkey) และบริการการเงินที่เอื้อให้ BTC กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
"ภาพลักษณ์บิดเบี้ยวจาก Cash App จะกลบแสงสปอร์ตไลต์แห่ง S&P 500 ได้หรือไม่?" นักลงทุนตั้งข้อสังเกต
อย่างไรก็ดี Block ของ Jack Dorsey อาจกลายเป็น “ดาบสองคม” แห่งโลกการเงินยุคใหม่ เพราะด้านหนึ่งคือตัวแทนของเสรีภาพทางการเงินและการลงทุนในคริปโต แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คือแบบจำลองของบริษัทฟินเทคที่ยัง “โตเกินความรับผิดชอบ” หากขาดการกำกับดูแลที่จริงจัง แม้ว่าการเข้าสู่ S&P 500 จะเป็นไปได้ไม่ยาก แต่การรักษาเครดิตให้อยู่ในใจนักลงทุนและมีธรรมาภิบาลธุรกิจอย่างโปร่งใสอาจยากกว่า