หลังจากเกิดวิกฤตบังคับขายหุ้นหรือ FORCE SELL หุ้นที่นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา ถืออยู่ จนราคาดิ่งลงติดฟลอร์ 30% ต่อเนื่อง 2 วันทำการ หุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เริ่มตั้งหลักขึ้นใหม่ โดยนักลงทุนแห่เข้ามาลุยเก็บหุ้น และกลายเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมในช่วงนี้
ราคาหุ้น KTC ถูกทุบร่วงลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ 21.80 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่แรงกดดันจากการบังคับขายหุ้นของนายประกิตจะหมดลง และราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวขึ้น จนล่าสุดวันศุกร์ที่18 กรกฎาคมปิดลงที่ 27.75 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับจุดต่ำสุด เพิ่มขึ้น 5.95 บาทหรือเพิ่มขึ้น 27.29%
KTC ย่ำฐานราคาอยู่แถว 40 บาทเศษ และเริ่มปรับฐานลงตามภาวะตลาด แต่ทรุดฮวบลงจากวิกฤต FORCE SELL โดยช่วงที่ดิ่งลงลึก นักลงทุนส่วนใหญ่แต่ยืนดู ไม่กล้าเข้าช้อนเก็บ เพราะกลัวแรงขาย FORCE SELL แม้ราคาหุ้นจะจูงใจให้ซื้อก็ตาม
วันนี้ต้องถือว่า หุ้น KTC กลับสู่ความเป็นปกติแล้ว ไม่มีความกังวลเรื่อง FORCE SELL มีแต่การประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน และการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการ โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ซึ่งกำลังจะประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเท่านั้น
ค่า พี/อี เรโช KTC อยู่ที่ประมาณ 9 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.76% จึงเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละคน ยังมีมุมมองแนวโน้มผลประกอบการที่แตกต่างกัน
เพราะแม้ว่า ผลประกอบการในอดีตจะเติบโตต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ทางธุรกิจเปลี่ยนไป โดยภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ อาจส่งผลกระทบต่อการสร้างผลกำไร โดยเฉพาะปัญหาหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางส่วน จึงมีคำแนะนำให้ทยอยขายหุ้น KTC ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกส่วนหนึ่ง แนะนำให้ทยอยเข้าไปเก็บหุ้น เพราะเห็นว่า ระดับราคายังมีความน่าสนใจถือลงทุน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักเก็งกำไรไม่ควรลืมคือ รายการซื้อขายนักลงทุนรายใหญ่ หรือบิ๊กล๊อตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา จำนวนประมาณ 129 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยประมาณ 20 บาทเศษ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงวิกฤต FORCE SELL โดยมีนักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อยกล๊อตหุ้นต้นทุนต่ำเก็บไว้ และพร้อมเทขายทำกำไร ซึ่งหากเทขายตอนนี้ จะฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 30%
KTC เคยอยู่ในจุดที่น่าสนใจมาก ระหว่างที่โดนมรสุดการบังคับขายหุ้นของนายมงคล จนราคาต่ำติดดิน แต่ขยับปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว และจะไปต่อไกลขนาดไหน จะกลับไปยืนเหนือ 40 บาทอีกได้หรือไม่ ต้องรดดูผลประกอบการเป็นปัจจัยสนับสนุน โดยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งใกล้ประกาศจะเป็นตัวบ่งชี้ในเบื้องต้น
มูลค่าการซื้อขายหุ้น KTC ยังคึกคัก ติด 10 อันดับหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด สะท้อนถึงการวัดกำลังระหว่างแรงซื้อและแรงขาย โดยนักลงทุนที่มองโลกในแง่ดี มองว่าหุ้น KTC ลงมาเยอะ และน่าช้อนซื้อมีจำนวนไม่น้อย จึงผลักดันให้ราคาดีดขึ้นมาตลอด
แต่ราคาต่อจากนี้ อาจเริ่มมีอัตราเร่งน้อยลง เพราะแรงจูงใจในการขายทำกำไรจะสูงขึ้น เว้นแต่จะมีแรงส่งจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งนักลงทุนกำลังเฝ้าลุ้นกันอยู่ว่า
ผลกำไรของ KTC ยังดีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีดี ราคาหุ้นมีสิทธิย่อลง