Bluebird Mining บริษัทขุดทองจดทะเบียนในลอนดอน บุกตลาดคริปโต ด้วยการซื้อเครื่องขุด ASIC จำนวน 756 เครื่อง จากแบรนด์ Bitmain และ Canaan จัดโครงสร้าง “สตรีมมิ่ง” รับผลผลิตบิทคอยน์โดยไม่ต้องดูแลเครื่องเอง คาดอีก 3 ปีจะเก็บได้กว่า 30 BTC ตามแผน treasury ใหม่ที่ผสมทองกับดิจิทัลอย่างชาญฉลาด
Bluebird ทุ่มซื้อเครื่องขุด 756 เครื่อง เป้า Hashrate 63.7 PH/s
Bluebird Mining Ventures Ltd. ลงนามดีลซื้อเครื่องขุดเหมืองบิทคอยน์ 756 เครื่องเพื่อใช้ขุดบิทคอยน์จาก Bitmain และ Canaan รวม Hashrate ประมาณ 63.7 PH/s โดยการดำเนินการดังกล่าวบริษัทไม่ได้ขุดเอง แต่บริษัทเลือกใช้โมเดล “Bitcoin Streaming” ในการซื้อสิทธิรับเหรียญในอนาคตโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนดำเนินงานหรือกระเป๋า heavy balance sheet
โดยแนวคิดนี้นำมาใช้จากอุตสาหกรรมทองคำ ที่บริษัทรายใหญ่รับผลผลิตจากเหมืองโดยไม่ต้องลงทุนดำเนินการเองมากนัก
ตั้งเป้าหมายรับ 30 BTC ภายใน 3 ปี ไม่มีต้นทุนเพิ่มหลังซื้อสตรีมเสร็จ
Bluebird ประเมินว่า ภายใต้เงื่อนไขสตรีมที่ตกลงได้ บริษัทจะได้รับบิทคอยน์มากกว่า 30 เหรียญ ภายในระยะเวลา 3 ปีขึ้นอยู่กับความแอคทีฟของเครือข่าย และ ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มหลังทำข้อตกลงเสร็จสิ้น
กลยุทธ์นี้สะท้อนการเปลี่ยนบทบาทของ Bluebird จากเหมืองทองแบบดั้งเดิม สู่บริษัทที่ซื้อ “สัญญาอนาคตของบิทคอยน์” อย่างชาญฉลาด
กลยุทธ์ทอง + สกุลเงินดิจิทัล = พอร์ตเสริมอสมมาตร
อย่างไรก็ตามนี่คือส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ในการปรับ "treasury strategy" โดยจับทั้ง ทองคำและบิทคอยน์เข้ามาอยู่ในพอร์ต ด้วย exposure แบบไม่สมมาตร (asymmetric exposure) หวังสร้างผลตอบแทนจากการวางตำแหน่งสินทรัพย์ในระยะยาว
ด้าน Sath Ganesarajah ประธานคณะกรรมการกล่าวว่า “นี่เป็นก้าวเล็กแต่มีความหมายเพราะพอร์ตแบบ long‑dated asymmetric exposures จะช่วยให้ผลตอบแทนแข็งแรงและโครงสร้างสินทรัพย์ชาญฉลาด”
ก่อนหน้านี้ Bluebird ระดมทุนได้ £2 ล้าน (ราว $2.7 ล้าน) และเตรียมใช้ £1 ล้านซื้อ บิทคอยน์โดยตรง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเข้าลงทุนทองคำในโครงการฟิลิปปินส์ ที่ให้ผลกำไรส่วนแบ่งตลอดชีวิตเหมืองและโบนัสทุก 5,000 ออนซ์ทองที่ราคาสูงกว่า $3,000 ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดีแผนนี้ทำให้ Bluebird กลายเป็นผู้บุกเบิกโมเดลไฮบริด “ทอง + Bitcoin” อย่างแท้จริงในกลุ่มบริษัทขุดแร่
โมเดลใหม่–เสี่ยงต่ำ–จ่ายน้อย เป็นแม่เหล็กเรียกนักลงทุนสายคริปโต
1.ไม่ต้องถือเครื่อง ไม่ต้องขุดเอง = ลด Operational Risk
2.รับบิทคอยน์โดยไม่เสียค่า CapEx เพิ่ม = รักษาบัญชีคล่องมือ
3.กระจายพอร์ตสู่สินทรัพย์ที่พุ่งตัวแหลก = สร้างกำไรแบบ upside potential
4.เปิดเกมรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มองว่าบิทคอยน์คือ "digital gold" ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูง
Bluebird ทำให้เห็นว่าบริษัทในสายทรัพยากรดั้งเดิมสามารถเล่นเกมการเงินระดับโลกด้วยโครงสร้างที่ทันสมัยโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก่นธุรกิจ