xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นวิกฤตโดมิโน่ซ้ำซ้อน! "Ziglu" แพลตฟอร์มคริปโตอังกฤษล้มละลาย เงินลูกค้า 2.7 ล้านดอลลาร์หายวับ ผู้ฝากเสี่ยงสูญเกลี้ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สะเทือนวงการคริปโตอีกครั้ง! เมื่อ "Ziglu" ฟินเทคคริปโตจากอังกฤษ ล้มไม่เป็นท่า! ผู้ดูแลกิจการพบยอดขาดดุลพุ่งสูงถึง 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 99 ล้านบาท) ทำให้ "ผู้ฝากเงินนับพันคน" ต้องเผชิญฝันร้าย สูญเงินลงทุนไปกับความล้มเหลวครั้งนี้ นี่คือ "ตลกร้าย" ที่สะท้อนถึง "ช่องโหว่มหาศาล" ในการกำกับดูแลคริปโตของอังกฤษ และเป็น "บทเรียนราคาแพง" สำหรับนักลงทุนที่หลงเชื่อคำสัญญาผลตอบแทนสูง

ตามรายงานเมื่อวันอาทิตย์จาก The Telegraph ระบุว่านักลงทุนอังกฤษหลายพันคนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงการลงทุนคริปโตครั้งใหญ่ หลังจากที่ผู้ดูแลกิจการค้นพบการขาดดุล 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ที่ Ziglu ฟินเทคคริปโตสัญชาติอังกฤษที่ล้มละลายไปเมื่อต้นปีนี้ โดยบริษัทระงับการถอนเงินในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ได้ถูกจัดให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการพิเศษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการบริหารการเงิน

Ziglu ดึงดูดลูกค้าประมาณ 20,000 รายด้วยคำสัญญาผลตอบแทนที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านผลิตภัณฑ์ "Boost" ที่เสนอผลตอบแทนสูงถึง 6% โดย Boost ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้รับการคุ้มครองหรือแยกเงินทุน ทำให้บริษัทสามารถนำเงินของลูกค้าไปใช้ในการดำเนินงานประจำวันและกิจกรรมการให้กู้ยืมได้

หลังจากการเข้าแทรกแซงของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน (FCA) ในเดือนพฤษภาคม การถอนเงินถูกระงับ ทำให้ผู้ฝากไม่สามารถเข้าถึงเงินของตนได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์

กรรมการ Ziglu ถูกกล่าวหาว่าใช้เงินลูกค้าในทางที่ผิด

ตามรายงานของ The Telegraph ระบุว่าในการพิจารณาคดีล้มละลายของศาลสูงเมื่อเร็ว ๆ นี้ กรรมการถูกกล่าวหาว่าบริหารเงินทุนผิดพลาด โดยมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเงินจากผู้ฝาก Boost ถูกนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทั่วไปของบริษัท ก่อนที่บริษัทจะยื่นขอการบริหารจัดการพิเศษในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ลูกค้าประมาณ 4,000 ราย มีเงินลงทุนใน Boost ถูกระงับ รวมมูลค่าประมาณ 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามด้วยยอดขาดดุล 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เงินทุนส่วนใหญ่เหล่านี้อาจสูญหายไป เว้นแต่จะกู้คืนได้ผ่านข้อตกลงการกอบกู้หรือการขาย Ziglu ก่อตั้งโดย Mark Hipperson อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Starling Bank โดยระบุภารกิจของตนว่า "ส่งเสริมให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากโลกใหม่ของเงินดิจิทัล อย่างง่ายดาย ปลอดภัย และราคาไม่แพง"

ทั้งนี้บริษัท Ziglu เคยมีมูลค่าถึง 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบรรลุข้อตกลงกับ Robinhood ยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคของสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) ซึ่งต่อมาก็ล้มเหลวท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาดคริปโต ปัจจุบัน ผู้ดูแลกิจการของ Ziglu คือ RSM จะพยายามหาผู้ซื้อบริษัทต่อไป

สหราชอาณาจักร กับความล้าหลังด้านกฎระเบียบคริปโต

จุดยืนที่ไม่ชัดเจนของสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ผู้ซึ่งโทษว่า "ความล่าช้าด้านนโยบาย" ทำให้ประเทศล้าหลังกว่าสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนที่แล้ว John Orchard และ Lewis McLellan จาก Digital Monetary Institute โต้แย้งว่าสหราชอาณาจักรได้ละทิ้งความเป็นผู้นำในช่วงแรกในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (distributed ledger finance) โดยการเลื่อนการดำเนินการด้านกฎระเบียบที่เป็นรูปธรรมออกไป

ต่างจากกรอบงาน Markets in Crypto-Assets (MiCA) ของสหภาพยุโรป และการผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ของวุฒิสภาสหรัฐ ฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งให้แนวทางที่ชัดเจนสำหรับคริปโตและ Stablecoin หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหราชอาณาจักร (FCA) ยังคงไม่มีกำหนดการเปิดตัวระบอบคริปโตที่ได้รับการยืนยัน

อย่างไรก็ตามการล้มละลายของ Ziglu และยอดขาดดุล 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทำให้เงินลูกค้าสูญไป คือ "ระเบิดเวลาลูกใหม่" ที่กำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทที่บริหารผิดพลาด แต่มันคือ "หายนะ" ที่ตอกย้ำให้เห็นว่า "กำแพงกฎหมาย" ของสหราชอาณาจักรยังคงอ่อนแอและล้าหลังกว่าชาติอื่น

นอกจากนี้การที่ Ziglu นำเงินของลูกค้าที่ลงทุนในผลิตภัณฑ์ "Boost" ไปใช้เป็น "เงินหมุนเวียน" และนำไปให้กู้กับบริษัทที่ล้มละลายอย่าง BlockFi โดยไม่มีการป้องกันใด ๆ คือ "ความประมาท" ที่ไม่อาจยอมรับได้ และการที่ FCA เข้ามาตรวจสอบช้าเกินไป ทำให้ผู้ฝากเงินจำนวนมากต้องกลายเป็น "เจ้าหนี้ไม่มีหลักประกัน" ที่แทบจะไม่มีหวังได้เงินคืนครบ

สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดคือ "คำวิพากษ์วิจารณ์" จากผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ว่า "ความล่าช้าด้านนโยบาย" ของสหราชอาณาจักรกำลังทำให้ประเทศนี้เสียเปรียบอย่างมหาศาล ในขณะที่สหภาพยุโรปมี MiCA และสหรัฐฯ มี GENIUS Act ที่ให้ความชัดเจนในการกำกับดูแลคริปโต แต่ UK กลับยังคงเตะถ่วง ทำให้นี่กลายเป็น "บทเรียนราคาแพง" ที่กำลังบ่งบอกว่า "ความล่าช้า" คือ "ต้นทุน" ที่ประชาชนต้องจ่าย

ทั้งนี้สิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรจดจำกรณีของ Ziglu ไว้ให้ขึ้นใจ ว่าการเลือกแพลตฟอร์มคริปโตที่ไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนหรือไม่มีการป้องกันเงินทุนที่รัดกุม อาจนำไปสู่ "หายนะทางการเงิน" ได้ทุกเมื่อ! อย่าหลงเชื่อเพียงแค่ "ผลตอบแทนที่เย้ายวน" แต่จงมองหา "ความปลอดภัย" และ "การกำกับดูแล" ที่เข้มแข็ง เพราะในโลกคริปโตที่ยังเป็น "มิติที่ป่าเถื่อน" อยู่มาก "การป้องกัน" ย่อมดีกว่า "การแก้ไข" เสมอ!