xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.59-เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(11ก.ค.68)ที่ระดับ 32.59 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวัน 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.69 บาทต่อดอลลาร์ แลัมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.75 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รวมถึงช่วงวันหยุดที่ 10 กรกฎาคม ของตลาดการเงินไทย เงินบาท (USDTHB) โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.54-32.76 บาทต่อดอลลาร์) แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามจังหวะการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงคืนวันพฤหัสฯ หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานและภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากนัก

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้นแถว 3,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ใช้จังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงในการทยอยปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ด้วยการทยอยขายเงินดอลลาร์แถวบริเวณโซนแนวต้าน (Sell USD on Rally) ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทก็ดูจำกัดแถวโซน 32.70 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ของอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษและประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ในช่วงนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกันก็อาจกดดันบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย หลังหลายประเทศในฝั่งเอเชีย เสี่ยงเผชิญอัตราภาษีนำเข้าที่สูงกว่าคาดการณ์และสูงกว่า ที่บรรดานักวิเคราะห์รวมถึงธนาคารกลางฝั่งเอเชียได้ใช้ประเมินไว้ก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป หลังราคาทองคำก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าวก็อาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้ง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า ในการทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือปรับสถานะถือครอง ทำให้ในช่วงนี้ หากไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มักจะส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนสูง เมื่ออ้างอิงจากสถิติในอดีต เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.65-32.75 บาทต่อดอลลาร์ ในระยะสั้น ทั้งนี้ แม้เราจะเริ่มเห็น บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเทศปรับมุมมองเชิงลบต่อเงินบาทชัดเจน เช่น มีการ Call Short THB (Long USDTHB) โดยบางส่วนอาจมองว่า เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าทะลุระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ แต่เราจะมั่นใจมากขึ้น ว่าเงินบาทได้กลับเข้าสู่แนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend Following
กำลังโหลดความคิดเห็น