กองทุนรวมไทยเพื่อความยิ่งยืนหรือTESGX ปิดการระดมทุนไปแล้ว โดยมียอดเงินรวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 32,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ประมาณการไว้ 50,000-80,000 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนไม่ให้ความสนใจ
TESGX จัดตั้งขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหา แรงขายจากนักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF โดยนำ LTF มาแปลงเป็น TESGX ซึ่งจะได้รับ กำหนดให้แปลง LTF และนักลงทุนรายใหญ่จองซื้อหน่วยลงทุนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ยอดกองทุน TESGX จำนวนประมาณ 32,000 ล้านบาท แยกเป็นการแปลง LTF ประมาณ 25,000 ล้านบาท และยอดจองซื้อของนักลงทุนรายใหม่ประมาณ 7,000 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ TESGX ระดมเงินได้ต่ำกว่าเป้ามากมาย เพราะนักลงทุนไม่มีความมั่นใจในแนวโน้มตลาดหุ้น กังวลในความเสี่ยง โดยผู้ที่ถือ LTF เกิน 5 ปี และครบกำหนดขายหน่วยลงทุนได้ ซึ่งจะไม่ถูกตัดสิทธิลดหย่อนภาษี จึงทยอยขายหน่วยลงทุนตั้งแต่ต้นปี 2568 ทำให้หุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง
ผู้ถือ LTF ส่วนใหญ่ ไม่ต้องการแปลงหน่วยลงทุนเป็น TESGX เพราะเงินลงทุนจะจมอยู่ใน TESGX อีก 5 ปี ซึ่งหุ้นอาจดิ่งลงเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา และนักลงทุนจำนวนหนึ่ง อาจต้องการขาย LTF ในระยะสั้น หรือรอจังหวะขายเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น
ส่วนนักลงทุนรายใหม่ มีจำนวนน้อยนิดที่สนใจลงทุนผ่าน TESGX เพราะมองไม่เห็นสัญญาณตลาดหุ้นฟื้น และสิทธิลดหย่อนภาษีจากเงินลงทุน อาจไม่ครอบคลุมความเสี่ยงจากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน จนขาดทุนจากเงินลงทุน เช่นเดียวกับนักลงทุนที่ซื้อ LTF เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งปรากฏว่า เงินขาดทุนจากราคาหุ้นที่ตกต่ำ สูงกว่าเงินที่ได้จากสิทธิลดหย่อนภาษี
การระดมเงินได้น้อย ส่งผลต่อบทบาทของ TESGX ในการพยุงตลาดหุ้น โดยเงินจากนักลงทุนรายใหม่จำนวนประมาณ 7,000 ล้านบาท เชื่อว่า ถูกนำมาลงทุนในตลาดหุ้นเกือบหมดแล้ว ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมีส่วนสำคัญผลักดันดัชนีหุ้นพุ่งทะยานขึ้นมาปิดสูงสุดที่ระดับ 1127 จุด
ดังนั้น เงินลงทุนก้อนใหม่ 7,000 ล้านบาทที่ระดมได้หมาด ๆ เมื่อทุ่มลงไปตลาดหุ้นเกือบหมดแล้ว TESGX จึงไม่เหลือกระสุนเพียงพอที่จะพยุงหุ้นต่อ
นอกจากนั้น หน่วยลงทุน LTF ที่ไม่ถูกนำมาแปลง ซึ่งคาดว่า จะมีประมาณ 100,000 ล้านบาท จะยังเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นต่อไป เพราะนักลงทุนที่ถือ LTF พร้อมจะขายคืนหน่วยลงทุนตลอดเวลา
จะทำอย่างไรกับแรงขายแฝงจำนวน 100,000 ล้านบาทของผู้ถือ LTF เพราะถ้าแรงขาย LTF ยังไม่ถูก “กำจัด” หรือถูกจัดการ เพื่อชะลอหรือยืดระยะเวลาแรงขายออกไป ตลาดหุ้นอาจฟื้นตัวอย่างยากลำบาก โดยหากหุ้นโงหัวขึ้นมา จะถูกทุบขายจากผู้ถือหน่วยลงทุน LTF
ตัวช่วยหรือกองหนุนจาก TESGX สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว เงินก้อนใหม่ที่ระดมได้ ถูกจับจ่ายใช้สอยหมดไปอย่างรวดเร็วภายในสัปดาห์เดียว ส่วนการระงับยับยั้งแรงขายจาก LTF ทำได้เพียงน้อยนิด โดยยังเหลือ LTF ที่รอการขายอีกประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งอาจทำให้หุ้นตกอยู่ในความผันผวนเหมือนช่วงต้นปี
ข่าวดีที่จะปลุกให้หุ้นฟื้น กลับคืนสู่ความคึกคัก ตอนนี้เหลืออยู่เพียงเรื่องเดียว การเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐเท่านั้น ซึ่งรอบแรก นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ม้วนเสื่อกลับบ้าน ล้มเหลวไม่เป็นท่า
การเจรจารอบสอง ลุ้นข้อเสนอที่ไทยยื่นข้อต่อรองกับสหรัฐภายในสัปดาห์นี้
ถ้าต่อรองได้อัตราภาษีสินค้าส่งออกไปสหรัฐต่ำกว่า 20% จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น แต่ถ้าเสียภาษีสูงกว่า 20% หุ้นคงเซถลาอีกครั้ง
สัปดาห์นี้ลุ้นระทึก ยกสองของการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐจบลงอย่างไร จะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย นักลงทุนเฝ้ารอดูชนิดกินไม่ได้นอนไม่หลับกันทีเดียว