บล. เอเซียพลัส ประเมิน การเมืองไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง อาจทำให้เกิด OVERHANG ต่อตลาดหุ้น ขณะที่มองยังมี หลากหลายประเด็นการเมืองรออยู่ แต่ SET จะสะท้อนปัจจัยลบทางการเมือง มีลุ้นหลังจากนี้ Index จะรีบาวน์ 100-200 จุด ใน 2-3 เดือน แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงระยะถัดไป เรื่องงบฯ ปี69 อาจล่าช้า และมาตรการกระตุ้น ศก. ออกมาไม่เต็มที่ ส่วนกลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้น 4 กลุ่มหลักมีแววฟื้นตัว
ASPS มองการเมืองไม่แน่นอนสูง หุ้นไทยอาจเกิด OVERHANG
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9-0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และมติ 7-2 สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ( 1ก.ค.) จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา เบื้องต้นประเด็นนี้เป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะตำแหน่งนายกฯ แต่ยังทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ต่อไปได้
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีอำนาจเต็ม (คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรักษาราชการแทนนายกฯ) ส่วนการพิจารณาร่าง พรบ. งบประมาณปี 2569 สามารถเดินหน้าต่อได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของรัฐสภา
ทั้งนี้ ศาล รธน. กำหนดให้ยื่นหลักฐานภายใน 15 วัน เพื่อประกอบการพิจารณา
สำหรับในแง่ของตลาดหุ้น SET สะท้อนปัจจัยลบทางการเมืองมานาน 1-2 เดือนแล้ว ทำให้เกิดการ REBOUND ได้บ้าง อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนทางการเมืองสูงขึ้น อาจเกิด OVERHANG ต่อตลาดหุ้น รวมถึงงบประมาณปี2569 มีความเสี่ยงล่าช้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาไม่เต็มที่ ถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามในระยะถัดไป
ก.ค. ลุ้นติดตามปัจจัยการเมืองอีกหลายประเด็น
นอกจากนี้ การเมืองไทยยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องตามหลังจากนี้ เริ่มจากวันที่ 3 ก.ค. 68 จะมีการเปิดประชุมสภา (อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ยกเลิก) ต่อด้วยวันที่ 4 -30 ก.ค. 68 ติดตามความคืบหน้าของคดีชั้น 14 ซึ่งจะเริ่มสอบพยานปากไต่สวน รวมถึงวันที่ 16 ก.ค. 68 คาดครบกำหนดยื่นคำชี้แจงต่อศาล รธน. ปมคลิปเสียง “นายกฯ-ฮุนเซน”
ถัดจากนั้นอีก 1 เดือน ตั้งแต่กลาง ส.ค. – ต้น ก.ย. 68 จะเข้าสู่ขึ้นตอนของการพิจารณาร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยน่าจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่ศาล รธน. จะมีคำตัดสินออกมา (คาดศาลใช้เวลาพิจารณาราว 1-3 เดือน : หากอิงตามเกณฑ์สมัยลุงตู่ 37 วัน และคุณเศรษฐา 2.5 เดือน)
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ประเด็นการเมืองในบ้านเรายังอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูงหลายเรื่อง อาทิ
- ปมคลิปเสียง “นายกฯ-ฮุนเซน” รอดูผลการตรวจสอบของ ป.ป.ช. หากพบว่ามีมูล อาจแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการสอบสวนต่อไป (คาดเห็นความคืบหน้าในสัปดาห์นี้) รวมถึงคำตัดสินของศาล รธน. ว่าจะมีคำสั่งให้นายกฯ พันจากตำแหน่งหรือไม่
- เอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ติดตามการเดินหน้าทำงานของ ครม. ชุดใหม่
- การบริหารประเทศของผู้รักษาการแทนนายกฯ จับตาการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง การเจรจาภาษีสหรัฐฯ รวมถึงปมชายแดนและความมั่นคง
- ศาล รธน. รอหลักฐาน "เลขาฯ กกต." ยังไม่นัดชี้ขาดคำร้อง "ภูมิธรรม-ทวี" พ้นตำแหน่ง กรณีใช้อำนาจแทรกแซงดีเอสไอ อันเป็นการกลั่นแกล้งข่มขู่ครอบงำ สว.
ลุ้น SET รีบาวน์ 100-200 จุด ใน 2-3 เดือน
ทั้งนี้ ASPS มองว่า SET ยุคพรรคร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง (10เดือน) ปรับตัวลงมา 14% ซึ่งสวนทางตลาดหุ้นโลกอย่าง MSCI ACWI INDEX ที่ปรับขึ้นถึง 13% และฝ่ายวิจัยฯ เปรียบเทียบนิติสงครามสมัยอดีตทั้งนายกฯประยุทธ์ และเศรษฐา SET INDEX ปรับตัวลง 39 จุด และ 86 จุด แต่หลังจากนั้น SET INDEX มักปรับตัวขึ้นเสมอ หากมีสัญญาณที่ดีทางการเมือง อาทิ นายกฯ สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ หรือ นายกฯ พ้นตำแหน่งและเตรียมเลือกนายกฯ คนใหม่
หนึ่งแรงหนุนที่ทำให้ SET กลับตัวได้คงหนีไม่พ้น FUND FLOW ต่างชาติที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดฯไปแล้ว (สัดส่วนกว่า 50%) ซึ่งน่าจะสนใจหุ้นไทยมากขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าล่าสุดอยู่ระดับ 32.45 บาท/ เหรียญ(FX GAIN) ไม่ได้อ่อนค่าเหมือนช่วงการเมืองร้อนแรงตอนฮุนเซ็นปล่อยคลิป (กลาง มิ.ย.) และตอนมีประเด็นคดีชั้น 14(กลาง พ.ค.)
นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณความกลัวของนักลงทุนที่ลดลง จากสัญญาณทางเทคนิค ที่แม้ SET INDEX จะย่อตัวลงแต่จำนวนหุ้นไทยกลับมี RSI ทำ OVERSOLD ลดลง แสดงให้เห็นถึงนักลงทุนมีความกลัวประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นการเมืองลดลง คล้ายๆ กับช่วงเวลาเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้คาดหวังว่า SET INDEX ระยะ 2 – 3 เดือน อาจรีบาวน์ในระดับ 100 –200 จุดได้ หากปัจจัยต่างๆ ผ่อนคลายต่อเนื่อง เหมือนกับในอดีต
เชียร์ลงทุน 4 กลุ่มหุ้น น่าฟื้นตัวต่อ
ASPS แนะ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ 4 กลุ่มหุ้นน่าจะฟื้นต่อ หลังจากลงมาหนักในรัฐบาลนี้
1. CAMBODIA PLAY : DOHOME, GLOBAL, CBG
2. PROTEST PLAY : AAV, AOT, ERW, CENTEL
3. TARIFF PLAY : COCOCO, KCE, HANA, BGRIM, ITC, WHA, TU
4. ELECTION PLAY : BEC, STECON