นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสย่อตัวกลับมากังวลสงครามการค้าอีกครั้ง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุว่าไม่มีแผนขยายระยะเวลาผ่อนผันภาษีตอบโต้จากกำหนด 9 ก.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้เด้งขึ้นรับการเมืองลดความร้อนแรงหลังศาลสั่งนายกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากคดีความต่าง ๆ รวมทั้งการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ให้กรอบแนวรับ 1,100-1,090 จุด และแนวต้าน 1,120-1,125 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลง จากความกังวลสงครามการค้ากลับมากดดันอีกครั้งเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมายืนยันว่าไม่มีแผนขยายเวลาผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าหลังเส้นตายวันที่ 9 ก.ค.
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ดีดกลับจากประเด็นศาลรัฐธรรมนูญสั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ความร้อนแรงทางการเมืองลดลง โดยเฉพาะจากการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่ามีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก เพราะยังมีเรื่องคดีความต่าง ๆ รวมทั้งการชุมนุมที่ยังไม่ได้ยุติลง ซึ่งอาจกระทบการทำงานรัฐบาล และการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจด้วย
ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐ หลังจากท่าทีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังมีโทนระมัดระวังเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจก่อน ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-50 อนุมัติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวสูงขึ้น จากประเด็นดังกล่าวอาจทำให้นักลงทุนกังวลสหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้น
โดยให้กรอบแนวรับ 1,100-1,090 จุด และแนวต้าน 1,120-1,125 จุด