xs
xsm
sm
md
lg

อุกอาจกลางกรุง โจรเหิมนัดปล้นเงินคริปโต 3.4 ล้าน "กลางลานจอดห้างดัง" ลาดพร้าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วงการคริปโตประเทศไทยไม่ตกเทรนฯ หลัง "นัดซื้อขายเหรียญดิจิทัล" กลายเป็นเหตุปล้นอุกอาจกลางลานจอดรถห้างดังย่านลาดพร้าว พบ 5 คนร้ายวางแผนมาอย่างดีใช้ปืนและมีดจี้ชิงเงินสด 3.4 ล้านบาท จากพ่อค้าคริปโตฯ ผู้เคราะห์ร้าย ก่อนซิ่งรถหลบหนีไปอย่างลอยนวล ถือเป็นเหตุการณ์สุดท้าทายฝ่ายบังคับใช้กฏหมาย ตามพฤติกรรมลอกเลียนแบบที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

วงการคริปโตในกรุงเทพต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุการณ์ปล้นสะท้านเมืองกลางลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว เมื่อมีกลุ่มคนร้าย 5 คน ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสดจำนวน 3.4 ล้านบาท จากผู้เสียหายหลังจากการนัดหมายซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ก่อนที่คนร้ายจะขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน ขก 1116 นครสวรรค์ หลบหนีไปในช่วงค่ำที่ผ่านมา

จากรายงานล่าสุด ผู้เสียหายที่ถูกปล้น คือ นายสัจพจน์ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับพรรคพวกรวม 3 คน เพื่อทำนัดหมายซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีสกุล USDT จำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.4 ล้านบาท กับกลุ่มคนร้าย โดยการซื้อขายครั้งนี้ดำเนินการผ่านคนกลาง (เอเย่นต์)

เมื่อทั้งสองฝ่ายมาพบกันที่ลานจอดรถดังกล่าว กลุ่มคนร้ายได้หลอกล่อให้ผู้เสียหายทั้ง 3 คน ขึ้นไปบนรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค โดยอ้างว่าจะทำการโอนเหรียญคริปโตฯ และส่งมอบเงินกันบนรถ ทว่า... หลังจากที่ทุกคนขึ้นไปบนรถแล้ว กลุ่มคนร้ายกลับเผยธาตุแท้! โดยใช้อาวุธที่มีลักษณะคล้ายมีด จี้ข่มขู่ผู้เสียหายให้ก้มศีรษะลง แล้วลงมือกระชากกระเป๋าเงิน ซึ่งภายในบรรจุเงินสดจำนวน 3,400,000 บาทไปทั้งหมด


หลังจากก่อเหตุ คนร้ายได้ปล่อยตัวผู้เสียหายทั้ง 3 คนลงจากรถ และรีบขับรถหลบหนีไปในทันที เบื้องต้นผู้เสียหายทั้งสามคนไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแต่อย่างใด

ทั้งนี้เหตุการณ์อุกอาจกลางวันแสกๆ (แม้จะเกิดขึ้นช่วงโพล้เพล้ค่ำในลานจอดรถ) สะท้อนให้เห็นถึง "ความเสี่ยง" ที่แฝงอยู่ในธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีที่ยังขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจนและช่องทางการแลกเปลี่ยนเงินสดที่ปลอดภัย การนัดพบปะเพื่อซื้อขายเงินสดจำนวนมหาศาลแบบเผชิญหน้า โดยปราศจากมาตรการป้องกันที่รัดกุม กำลังกลายเป็น "เหยื่อล่อ" ชั้นดีสำหรับกลุ่มมิจฉาชีพและอาชญากร

คดีนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ยังส่งสัญญาณเตือนไปถึงนักลงทุนคริปโตฯ ทั่วประเทศว่า การทำธุรกรรมนอกแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาต หรือการนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสดจำนวนมากโดยตรงนั้น มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่ง และอาจจบลงด้วยการสูญเสียทรัพย์สินครั้งใหญ่ หรือเลวร้ายกว่านั้นคือเป็นอันตรายต่อชีวิต!

อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งแกะรอยและติดตามจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดี เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นและสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ "สติ" และ "ความระมัดระวัง" ของนักลงทุนเอง ที่จะช่วยปกป้องทรัพย์สินจากเงื้อมมือของเหล่ามิจฉาชีพในยุคที่โลกดิจิทัลมาพร้อมกับความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง