xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์กรุงเทพยืนเป้าสินเชื่อ3-4%-รุกเดินหน้าธุรกิจต่างประเทศ-ชูเพอร์มาตาโตแกร่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แบงก์กรุงเทพยืนเป้าหมายอัตราการเติบโตของสินเชื่อธนาคารปีนี้ที่ 3-4%นำโดยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจต่างประเทศ ชูเพอร์มาตา อินโดนีเซียเติบโตแข็งแกร่ง วาดแผนนำผู้ประกอบการทั้งสองประเทศขยายลงทุน

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL) เ
ปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมไว้ที่ระดับ 3-4% แม้จะมีปัจจัยลบหลายด้านเข้ามากระทบอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าปัญหาที่เข้ามามีทั้งผลกระทบทางด้านลบ แต่ก็ยังเป็นโอกาสอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีมาตรการภาษีตอบโตของสหรัฐฯก็ยังมีบางธุรกิจที่สามารถสร้างโอกาสได้จากการส่งออกที่ขยายตัวได้สูงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงทางภาครัฐเองยังคงเดินหน้าในการเจรจากับสหรัฐอเมริกา เพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสมเกี่ยวกับมาตรการทางภาษี ซึ่งก็จะช่วยให้เกิดความชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามกันต่อไป

"ปีนี้ยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจไทย แต่ก็เชื่อว่าแม้จะมีปัญหาในหลายๆด้าน แต่ก็ยังเป็นโอกาสสำหรับหลายๆธุรกิจเช่นกัน จึงเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ขณะเดียวกัน ธนาคารก็จะต้องดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบในอีกทางหนึ่งอย่างเต็มที่เช่นกัน"

สำหรับการเติบโตของสินเชื่อธนาคารยังคงเป็นกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจต่างประเทศของธนาคารยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความไม่แน่นอนสูงก็ตาม โดยเฉพาะในส่วนของธนาคารเพอร์มาตาในประเทศอินโดนีเซียที่สร้างรายได้ให้กับธนาคารได้เป็นอย่างดี รองลงมาคือธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้น ธุรกิจต่างประเทศก็จะยังมีบทบาทในการสร้างรายได้ให้กับธนาคารในขณะที่ธุรกิจในประเทศอาจจะชะลอลงบ้าง พร้อมกันนั้น ธนาคารยังคงเดินหน้าในการผลักดันอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เติบโตแตะสองหลัก จากปัจจุบันที่ ROE ของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 8%

ทั้งนี้ ธนาคารเพอร์มาตาซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซีย ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว จากปัจจัยสนับสนุนหลายประการภายในประเทศที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตได้ในระดับสูงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)จะอยู่ที่ประมาณ 4.7-5% ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค และสะท้อนถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจในภาพรวม

โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจอินโดนีเซียคือ โครงสร้างประชากรที่มีศักยภาพ โดยประเทศมีจำนวนประชากรสูงถึง 270 ล้านคน และกว่า 60% เป็นคนวัยหนุ่มสาว ซึ่งถือเป็นกำลังแรงงานหลักที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ขณะเดียวกันอินโดนีเซียยังเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ-แร่ธาตุต่างๆที่ช่วยสนับสนุนภาคการผลิต การเกษตร และอุตสาหกรรมได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียก็มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะยังสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า ซึ่งจากศักยภาพดังกล่าว ธนาคารจึงมีแนวทางที่จะสนับสนุนนักลงทุนไทยไปลงทุนยังประเทศอินโดนีเซีย และพานักลงทุนอินโดฯลงทุนในประเทศไทยและประเทศกลุ่มอาเซียนเช่นกัน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)กล่าวเสริมว่า ศักยภาพในการเติบโตของธนาคารเพอร์มาตามาจากเศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซียที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรที่มากและมีโครงสร้างประชากรที่อยู่ในช่วงวัยทำงานสูง และมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ธนาคารเพอร์มาตาสร้างผลกำไรให้กับธนาคารได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจากศักยภาพที่มีอยู่เชื่อว่าในปีต่อๆไปตัวเลขกำไรที่ระดับที่ 10,000 ล้านบาทก็มีความเป็นไปได้ไม่นานนัก

"ในขณะที่เศรษฐกิจในประเทศอยู่ในภาวะที่ชะลอลง เราก็ยังมีส่วนของธุรกิจในต่างประเทศที่เติบโตได้ดีเข้ามาช่วย ทำให้ต่อไปนี้เราจะธุรกิจทั้ง 2 ขาที่จะช่วยเสริมซึ่งกันและกัน และทำให้ความเป็น Regional Bank แบงก์ของธนาคารมีความแข็งแกร่งขึ้น"

นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า นับจากที่ธนาคารเข้าถือหุ้นในเพอร์มาตาภาพรวมในด้านต่างๆถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยแนวทางในการดำเนินธุรกิจของเพอร์มาตามีความสอดคล้องกับธนาคารกรุงเทพในเรื่องของความ conservative โดยมีเงินกองทุนในระดับที่สูง ขณะเดียวกัน การที่เพอร์มาตามีความโดดเด่นในกลุ่มธุรกิจรายย่อย มีแอปพลิเคชัน-ระบบดาต้าที่ดี ก็จะช่วยเสริมธุรกิจคอนซูมเมอร์ของธนาคารได้ ในทางกลับกันความเชี่ยวชาญในธุรกิจรายใหญ่ของธนาคารก็สามารถนำพาลูกค้าที่แข็งแกร่งของเพอร์มาตาให้มาลงทุนในประเทศไทย หรือนำพาธุรกิจในประเทศไทยไปลงทุนในอินโดนีเซียได้เช่นกัน

อนึ่ง ในปี 2563 ธนาคารได้เข้าซื้อกิจการ ธนาคาร พีที เพอร์มาตา ทีบีเค (ธนาคารเพอร์มาตา) และได้ควบรวมธนาคารกรุงเทพ 3 สาขา ได้แก่ สาขาจาการ์ตา สาขาสุรายาบา และสาขาเมดาน เข้ากับธนาคารเพอร์มาตา เพื่อผสานจุดแข็งของทั้งสองธนาคารเข้าด้วยกัน และในปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตา ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ตราสัญลักษณ์บัวหลวง เพื่อสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวในมาตรฐานการบริการ ภายใต้แนวคิด “One Family One Team” ของธนาคารกรุงเทพ โดย ณ สิ้นปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปี 2566 และธนาคารเพอร์มาตามีสัดส่วนสินเชื่อประมาณ 12% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารกรุงเทพ โดยตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการในปี 2563 สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 25% (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2567) ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตาเป็น 1 ใน 10 ของธนาคารที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายสาขาให้บริการ 240 สาขา กระจายอยู่ใน 82 เมืองสำคัญทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้ากว่า 6.2 ล้านราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568)
กำลังโหลดความคิดเห็น