xs
xsm
sm
md
lg

'กอบศักดิ์'ชี้ปัจจัยใน-นอกรุมเร้า-เสี่ยงฉุดเศรษฐกิจปี68โตแค่1.5%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




'กอบศักดิ์'ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังชะลอ ปรับเป้าจีดีพีปี 68 โต 2% และมีความเสี่ยงโต่ต่ำุถึง 1.5%กรณี Worst Case มองโจทย์ปีนี้ต้องช่วยลูกค้าให้ผ่านช่วงของความผันผวน ไปพร้อมๆกับการปรับตัวสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)
เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เติบโตที่ 2% และมีแนวโน้มไปในทางต่ำ(Down side) จากช่วงปลายปีก่อนที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 3% เนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนหลักไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้หลังจากครบกำหนดไว้ 3 เดือน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนชะลอลงนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และล่าสุดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศเอง ซึ่งหากมองกรณีเลวร้าย(Worst Case)จีดีพีอาจโตเพียง 1.5%ก็เป็นได้

"ประมาณปลายปีที่แล้ว เราคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เติบโตที่ 3% จากการขับเคลื่อนของภาคการส่งออก ,ท่องเที่ยว การลงทุนโดยตรง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่เมื่อผ่านมาได้ระยะหนึ่งก็เห็นว่าแรงต้านเยอะ การส่งออกอาจจะดีในช่วงต้นปี จากการเร่งนำเข้าสินค้าของผู้ประกอบการสหรัฐฯ แต่หลังจากนี้ก็คงชะลอลง ขณะที่การท่องเที่ยวก็ไม่เป็นไปตามคาด หลังจากเกิดเหตุลักพาตัวนักท่องเที่ยวชาวจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจีนจากที่เคยบวก20% กลายเป็นติดลบ 2-3% แล้ว ซึ่งมองว่าจะกลับมาโดยเร็วคงยาก แล้วขณะนี้ยังมีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองเข้ามาอีก นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 35.5 ล้านคนก็ดีแล้ว"

นายกอบศักดิ์กล่าวอีกว่า ปีนี้เป็นปีที่ลำบากมีความไม่แน่นอนทั้งปัจจัยนอกประเทศก็คือ เรื่องของภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ เงื่อนไขตอนนี้คือเรายังไม่รู้ว่าอัตราภาษีที่สหรัฐฯจะคิดกับไทย สูงกว่าหรือต่ำกว่าคู่แข่ง ถ้าผลออกมา 10%ถือว่าเป็นปัจจัยบวกสุด อัตรา 15-20%ถือว่าใช้ได้ และสินค้าไทยก็จะได้เปรียบสินค้าจีนที่โดนเรียกเก็บมากกว่า อย่างนี้ปลายปีเราอาจจะดีก็ได้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องสินค้าราคาถูกของจีนที่จะไหลบ่าเข้ามาในไทยด้วย ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ยังมีความขัดแย้งอิสราเอลกับอิหร่าน ขณะที่เรื่องของท่องเที่ยวก็น่ากังวล และล่าสุดความไม่แน่นอนทางการเมืองจะทำให้ธุรกิจเกิดความลังเลในการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน ทำให้ความกระฉับกระเฉงในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลหายไป แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากภาครัฐก็มีน้อยลง ทำให้เราปรับประมาณการเศรษฐกิจโตที่ 2%+Downside สำหรับปีนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังเร็วไปที่จะมีการทบทวนเป้าหมายใหม่คงต้องรอให้ปัจจัยต่างๆชัดเจนขึ้น

ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แนวทางที่สำคัญของธนาคารในปีนี้คือการนำพาให้ลูกค้าของเราผ่านไปได้อย่างราบรื่น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความน่ากังวลโดยจากการที่ได้คุยกับผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก ยอดขายเดือนเมษายน-พฤษภาคมเริ่มส่งสัญญาณชะลอ ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าก็บอกว่ายอดรูดบัตรติดลบ ร้านอาหารก็เริ่มได้ยินเสียงมาว่าไม่มีลูกค้า รวมถึงการปิดโรงงานเข้ามาอีก ดังนั้น โจทย์สำคัญในปีนี้ ธนาคารจะต้องเน้นในช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่านพ้นปัจจัยต่างๆเหล่านี้ไปให้ได้ พร้อมๆกับการปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคใหม่เพื่อจะได้สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

ฃณะเดียวกัน องค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ก็ควรมีการเร่งโปรโมทฯด้านการท่องเที่ยวไทยให้มากกว่านี้ ผู้รับผิดชอบทางการค้าก็ควรเร่งหาตลาดใหม่รองรับ ไปพร้อมๆกับการเตรียมการเจรจากับสหรัฐฯให้ดี อีกทั้งการลงทุนโดยตรงยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากยอดขอลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ควรจะมีมาตรการที่ช่วยเร่งให้เกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ หากทำได้ก็อาจจะทำให้จีดีพีของเรามี Upside ก็เป็นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น