นายบุนเซอิ โอคุณโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น (JPC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY)เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารฯได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเกี่ยวกับธุรกิจญุี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทยเติบโตที่ระดับ 9% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าการเติบโตในปีก่อน โดยธนาคารได้มีการปรับกลยุทธ์เชิงรุกในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มข้นมากขึ้น ด้วยแผนการตลาดที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าดีที่สุด ขณะเดียวกันก็เชื่อว่ายังมีกลุ่มธุรกิจใหม่ๆที่ยังมีช่องว่างในการปล่อยสินเชื่ออีกจำนวนมาก ทำให้ธนาคารมั่นใจการเติบโตของสิ้นเชื่อกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นในปีนี้เป๋นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับสัดส่วนสินเชื่อดังกล่าวในปัจจุบันคิดเป็น 10-12% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารฯ
"ในปีที่แล้ว เราเติบโตได้ไม่ถึง 9% จากปัจจัยลบด้านหนี้ครัวเรือนไทยที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงยอดการผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรวมถึงยอดขายรถญี่ปุ่นช่วงปี 2567 ลดลงค่อนข้างมาก แต่ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวในปีนี้ เรามั่นใจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 9%ได้แน่นอน ทั้งในส่วนของลูกค้าธนาคารเอง และลูกค้าที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าธนาคาร ซึ่งจะทำให้เรามีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์)เพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านเงินฝากนั้น กรุงศรีเป็นเบอร์หนึ่งที่ลูกค้าเลือกฝากเงินมากที่สุด"
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นปี 2568 เน้นการต่อยอดพันธกิจในการสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านสังคมและ สิ่งแวดล้อม เร่งขับเคลื่อนการลงทุนจากญี่ปุ่นสู่ประเทศไทยและอาเขียนผ่านเวที Japan-ASEAN Startup Business Matching Fair 2025 มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมหลักใหม่ที่มีศักยภาพสูง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทาง เศรษฐกิจที่ยั่งยืนในภูมิภาค โดยธนาคารจะมุ่งเน้นการต่อยอดความสำเร็จจากปีก่อน รวมถึงขยายมิติ ของการเติบโตที่ยั่งยืนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนการลงทุนใหม่จากญี่ปุ่นสู่ประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Co-creating New Core Industries ที่จะมุ่งเน้นร่วมมือกับลูกค้าและภาครัฐในการผลักดันนวัตกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมหลักใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโรต
"กรุงศรีมุ่งสนับสนุนธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทยให้ก้าวสู่การเติบโตอย่าง ยั่งยืน ที่ไม่เพียงให้การสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น แต่จะต้องสร้าง ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในทุกมิติทั้งทางธุรกิจและสังคม และด้วยผลิตภัณฑ์-บริการที่ครบวงจร ความเชี่ยวชาญในประเทศ พร้อมด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG จึง สามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งของธุรกิจญี่ปุ่นได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน จนทำให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นครอบคลุมกว่า 70% ของธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทย"