โบรกเกอร์ ประเมินโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นโรงแรม ชู 5 หุ้น MINT-CENTEL-AWC-ERW และ SHR รับอานิสงส์ จากราคาที่พักที่เข้าใกล้เคียงราคาที่รัฐบาลสนับสนุน ที่ 6,000 บาท/คืน - บล. กรุงศรี คงมุมมอง Neutral แนะนำหุ้นที่กระจายพอร์ตโรงแรมอย่าง MINT-CENTEL ส่วนดาโอ ให้น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก MINT โดย Top pick ของกลุ่ม
บล.กรุงศรี ชู 5 หุ้นโรงแรมรับอานิสงส์เที่ยวคนละครึ่ง
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.กรุงศรี (KSS) เปิดเผยว่า โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งที่ ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มใช้สิทธิเที่ยวได้จริงในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มโรงแรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีโรงแรมในไทย ได้แก่ AWC (100%) ERW (88%) CENTEL (72%) SHR (18%) MINT (13%) ซึ่งโครงการดังกล่าวจะให้ส่วนลดค่าที่พักสูงสุด 50% หรือไม่เกิน 3,000 บาท/คืน เทียบเท่าราคาค่าห้องพัก 6,000 บาท/คืน ซึ่งครอบคลุมโรงแรมตั้งแต่ระดับ Economy ขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยราคาห้องพัก (ADR) ใกล้เคียงระดับดังกล่าว เช่น ERW (6,900 บาท) AWC (5,800 บาท) CENTEL (5,600 บาท)
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อรายได้ภาพรวมยังจำกัด เนื่องจากมีจำนวนสิทธิ์เพียง 500,000 สิทธิ์เท่านั้น โดยเทียบเคียงกับโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5" ซึ่งมีสิทธิ์ในระดับใกล้เคียงกัน พบว่าผลต่อรายได้โรงแรมเพิ่มไม่ถึง 5%
ทั้งนี้คงมุมมอง Neutral ต่อกลุ่มโรงแรม โดยยังคงแนะนำหุ้นที่มีการกระจายพอร์ตโรงแรม MINT (BUY, TP Bt38) ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันในยุโรป และมี RevPAR ยังคงเติบโต high single digit นอกจากนี้ CENTEL (BUY, TP Bt35) ก็ยังเป็นหุ้นที่เราแนะนำจากการกระจายทั้งโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงได้รับผลบวกจากการกลับโรงแรมที่ปรับปรุง และตลาดญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง
MINT (BUY, TP 38) - CENTEL (BUY, TP 35) - SHR (BUY, TP 2) - AWC (Neutral, TP 2.30) - ERW (Neutral, TP 2.30)
ดาโอ มอง ERW-CENTEL-MINT รับประโยชน์มากสุด
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว หลังจากเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.68) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะเริ่มใช้สิทธิเที่ยวได้จริงในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยตั้งงบประมาณไว้ในวงเงิน 1,750 ล้านบาท
ทั้งนี้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมและจีนเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีที่ฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะที่นักท่องเที่ยวรัสเซียเริ่มหดตัวลง -14% WoW/-4% YoY) ส่วนประเทศจีนเริ่มเข้าสู่ช่วงปิดเทอม (ต้นเดือน ก.ค.-ปลายเดือน ส.ค. 25) ทำให้คาดว่าสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวได้ต่อได้ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวรวม YTD ยังคงหดตัวลง -4% YoY โดยเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าสู่ช่วง Low season ของไทย
โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาก-น้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ ERW (88%), CENTEL (80%) และ MINT (15%) โดยคาดว่า ERW (ถือ/เป้า 2.50 บาท) (ERW คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นได้น้อยกว่า 1% จากโครงการนี้) และ CENTEL
(ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกจากทั้งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งมากที่สุด
อย่างไรก็ดี มองเป็นบวกเล็กน้อยต่อโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยได้วงเงินของโครงการลดลงเหลือ 1.75 พันล้านบาท จากข่าวก่อนหน้าที่ 1.78 พันล้านบาท ได้จำนวนสิทธิที่ 5 แสนสิทธิ โดย 1 คน ได้ 5 สิทธิ์ ให้ใช้จ่ายในโรงแรมที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน โดยเมืองหลัก รัฐช่วย 40% ส่วนเมืองรอง รัฐช่วย 50% ซึ่งมองว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้บ้างในช่วง Low season ได้
ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่ม เลือก MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2025E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่ 2Q-3Q25E จะเป็นช่วง High season ที่ยุโรป และได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนน้อยกว่ากลุ่ม ประกอบกับที่ยุโรปเน้นนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก
นอกจากนี้ ธุรกิจสายการบินจะได้ประโยชน์จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ได้แก่ AAV (ถือ/เป้า 1.50 บาท) โดยมีสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินในประเทศราว 45% คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวม/นักท่องเที่ยวจีนปี 2025E ที่ 34.5 ล้านคน/5 ล้านคน เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2025E จะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ลดลง -3% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 5 ล้านคน ลดลง -26% YoY ขณะที่ความเสี่ยงในประเทศเริ่มมากขึ้นจากปัจจัยเรื่องการเมืองซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่ำกว่าที่เราคาดได้