ตลาดคริปโตฯ สหรัฐฯ กลับมาผงาดอีกครั้ง! หลัง "โดนัลด์ ทรัมป์" อดีตผู้นำโลก ยื่นมือเจรจาสยบความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล สร้าง "ข้อตกลงหยุดยิง" ที่แม้จะยังกะท่อนกะแท่น แต่ก็พอจะสร้างความหวังให้ตลาด หุ้นคริปโตฯ สหรัฐฯ โดยเฉพาะ "Coinbase" พุ่งแรงแซงทุกโค้งกว่า 12.10% สะท้อนถึงอิทธิพลของปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล
บรรยากาศในตลาดหุ้นคริปโตเคอร์เรนซีของสหรัฐอเมริกากลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งทะยานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิงที่ยังคงสั่นคลอนระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ย
แม้ว่าภายหลังการประกาศหยุดยิงจะยังคงมีการยิงขีปนาวุธตอบโต้กันระหว่างสองชาติในระยะแรก แต่ตลาดหุ้นคริปโตฯ รวมถึงตลาดโดยรวมก็ยังคงได้รับแรงหนุนและมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะหุ้นของ Coinbase (COIN) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้กลายเป็นดาวเด่นของดัชนี S&P 500 ในวันนั้น โดยราคาปิดพุ่งขึ้นถึง 12.10%
นอกจากนี้ บริษัทคริปโตฯ อื่นๆ เช่น Riot Platforms (RIOT) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์, Marathon Digital (MARA) และ MicroStrategy (MSTR) ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือครองบิทคอยน์จำนวนมหาศาล ก็ล้วนแล้วแต่เห็นราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
ไม่เพียงแค่หุ้นคริปโตฯ เท่านั้น แต่ตลาดหุ้นโดยรวมก็มีผลประกอบการที่เป็นบวกเช่นกัน โดยดัชนี S&P 500 ปิดตัวเพิ่มขึ้น 1.11% ในวันดังกล่าว ซึ่งบ่งชี้ถึงการคลี่คลายของความกังวลในภาพรวมของตลาด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หุ้นคริปโตฯ ส่วนใหญ่พุ่งทะยาน แต่หุ้นของ Circle Internet Group ซึ่งเป็นผู้ออก Stablecoin อย่าง USDC กลับปรับตัวลดลง 15.49% แต่ถึงกระนั้น บริษัทที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ยังคงมีราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 620% นับตั้งแต่เปิดตัว
ในส่วนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเอง ก็ค่อยๆ กลับมามีแนวโน้มขาขึ้น โดยบิทคอยน์ (BTC), อีเธอร์ (ETH) และ XRP ล้วนมีราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาของนักลงทุนหลังจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ดูเหมือนจะคลี่คลายลงไปบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีข่าวใหญ่ที่น่าจับตาในอนาคตอันใกล้ เมื่อ OKX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก กำลังพิจารณาที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตฯ ในระดับสถาบัน