หุ้นบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF กำลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ กลายเป็นหุ้นตัวแรกที่พุ่งทะยาน ชนเพดานสูงสุดหรือขึ้นซิลลิ่ง 7 วันทำการติดต่อ โดยไม่ถูกตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการใดสกัดกั้นความร้อนแรง
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา หุ้น ECF ปิดที่ 37 สตางค์ หลังจากนั้น ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยราคาพุ่งชนเพดานสูงสุด 7 วัน จนล่าสุดวันที่ 24 มิถุนายนขึ้นมาปิดที่ 1.91 บาท ซึ่งนับจากจุดปิดวันที่ 13 มิถุนายน ปรับตัวขึ้น 1.54 บาท หรือเพิ่มขึ้น 416.21%
ราคาหุ้น ECF ที่วิ่งมาม้วนเดียวกว่า 4 เด้ง ภายใน 7วัน ซึ่งไม่เคยมีหุ้นตัวใดทำได้มาก่อน เกิดจากการเพิ่มทุนที่มีความซับซ้อน
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 คณะกรรมการบริษัทฯได้ประชุมและมีมติ เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หรือพาร์ จากหุ้นละ25สตางค์ เป็นหุ้นละ 5 บาท มีผลในวันที่ 9 มิถุนายน โดยผู้ถือหุ้นเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 20 หุ้น จะเหลือหุ้นในราคาพาร์ใหม่เพียง 1 หุ้น
และประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 20 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 20 สตางค์ และแจกหรือใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 6 หรือ ECF-W6
ECF-W6 จะจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 20 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 8 วอร์แรนต์ มีอายุ 1 ปี กำหนดราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในราคาเพียง 8 สตางค์
กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนและวอร์แร้นต์ในวันที่ 16 มิถุนายน และกำหนดชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายนถึง 4 กรกฎาคมนี้
ECF จัดอยู่ในหุ้นขนาดจิ๋ว มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปต่ำกว่า 100 ล้านบาท ผลประกอบการขาดทุนหลายปีติดต่อ รวมทั้งไตรมาสแรกปีนี้ที่ขาดทุน 72.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 16.85 ล้านบาท
กลุ่มตระกูล “สุขสวัสดิ์”เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนายณัฐปภัสร์ เกสร์ชัยมงคล กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง เพราะทยอยซื้อหุ้นเก็บสะสม จนมีสัดส่วนถือหุ้นประมาณ 11% ของทุนจดทะเบียน และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 5,315 ราย
ECF เป็นอีกหนึ่งในบริษัทจดทะเบียน ที่ใช้วอร์แร้นต์เป็นเครื่องมือในการขายหุ้นเพิ่มทุนและกระตุ้นการเก็งกำไร โดยออกวอร์แร้นต์มาแล้ว 5 รุ่น ส่วน ECF-W5 อยู่ระหว่างห้ามซื้อขายแล้ว เพราะกำลังหมดอายุปลายเดือนกรกฎาคมนี้ และจะเหลือค่าเพียงศูนย์ เนื่องจากผู้ถือ ไม่นำไปแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ เนื่องจากราคาแปลงสภาพสูงกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายบนกระดาน
การเพิ่มทุนและแจกวอร์แร้นต์ของ ECF ครั้งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อจูงใจให้ผู้ถือหุ้น ใส่เงินเพิ่มทุนเข้าบริษัท ฯ โดยเฉพาะการแจกวอร์แร้นต์ถึง 8 หน่วยต่อ 1 หุ้นเดิม สำหรับผู้ถือหุ้นที่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
อย่างไรก็ตาม สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนและรับแจกวอร์แร้นต์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน นักลงทุนที่ซื้อหุ้น ECF วันนี้ จะไม่ได้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนและรับวอร์แร้นต์
แต่หุ้น ECF ก็ยังพุ่งทะยาน โดยไม่มีคำเตือนความเสี่ยงหรือมาตรการสยบความร้อนแรงจากตลาดหลักทรัพย์แต่ประการใด
ใครอยู่เบื้องหลังการลากหุ้น ECF เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะไม่น่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ไล่เคาะซื้อจนซิลลิ่ง 7 วันซ้อน และไม่รู้ว่า จะลากกันต่อไปอีกกี่วัน
ฝ่ายบริหาร ECF อาจจะเก่งในการออกแบบเพิ่มทุน ซึ่งกระตุ้นความสนใจนักลงทุน
แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องไม่ลืมคือ ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง จะยืนยงมั่นคง แนวโน้มปับตัวขึ้นอย่างสดใส ปัจจัยพื้นฐานจะต้องดี ผลประกอบการต้องได้ มีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ
ECF เป็นหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มผลประกอบการสดใสหรือไม่ นักลงทุนที่คิดจะตามแห่เก็งกำไรหุ้นตัวนี้ ต้องคิดให้ดีๆ
นักลงทุนที่คิดจะเติมเงินเข้า ECF ต้องตระหนักไว้ ถือหุ้นไว้เพียง 1 หุ้น จะต้องเติมเงินเพิ่มเข้าไปอีก 4 บาท และต้องเตรียมเงินไว้แปลงสภาพวอร์แร้นท์อีก 64 สตางค์ 11
จำนวนหุ้น ECF หลังเพิ่มทุนและแปลงวอร์แร้นต์ จะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ตัวหารกำไรจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 9 เท่าตัว
แต่โจทย์ใหญ่ของ ECF อยู่ที่ เมื่อสูบเงินนักลงทุนไปแล้ว จะสร้างผลกำไรจากผลประกอบการได้หรือไม่
และสูบเงินครั้งใหญ่จากนักลงทุสนไปแล้ว ผลประกอบการยังขาดทุนต่อเนื่องเหมือนเดิม
นักลงทุนรายย่อยที่ถือหุ้น ECF ยังเจ๊งเหมือนเดิม