ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศด่วน ใช้มาตรการชั่วคราว เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดหุ้น โดยลดเพดานการขึ้นลงของราคาหุ้นจาก 30% เหลือเพียง 15% มีผลระหว่างวันที่ 23-27 มิถุนายนนี้ ปรากฏว่า มีหุ้นนับสิบบริษัทที่ได้รับอานิสงส์ในทันที โดยราคาหุ้นร่วงลงติดฟลอร์ที่ 15% แทนที่จะร่วงติดฟลอร์ 30%
หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเพดานขึ้นลงที่ปรับลดเหลือ 15% มีอยู่สองกลุ่มใหญ่คือ หุ้นกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD และหุ้น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX
ส่วนอีกกลุ่มคือ หุ้นที่นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา นักลงทุนรายใหญ่สายนักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่มหรือ V.I. ถือหุ้นอยู่ ประกอบด้วยหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC หุ้น บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG หุ้น บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC และหุ้น บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS
หุ้นทั้งสองกลุ่ม รวมทั้งหมด 7 บริษัท กอดคอกนร่วงติดฟลอร์ 15% โดยคาดหมายกันว่า เกิดจากการถูกบังคับขายหุ้นหรือ FORCE SELL
หุ้นกลุ่ม EA เคยเจอวิกฤต FORCE SELL มาแล้ว โดยนายสมโภชน์ อาหุนัย อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ นำหุ้นไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อเพื่อการซื้อหุ้นหรือมาร์จิ้น และถูกบังคับขาย ทำให้หุ้นกลุ่ม EA ทรุดลงระเนระนาด
แต่การบังคับขายหุ้นในกลุ่มของนายมงคล ไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ควรจะเกิดขึ้นได้
เพราะนายมงคล เป็นนักลงทุน V.I. ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตลาดหุ้น โดยลงทุนหุ้น KTC เพียงตัวเดียว มีกำไรกว่า 20,000 ล้านบาท และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้ตัดขายหุ้น KTC ให้กองทุนต่างประเทศ จำนวน 125.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.8674% ของทุนจดทะเบียน ได้รับเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท
นายมงคลเริ่มเก็บสะสมหุ้นKTC ตั้งแต่ประมาณปี 2555 จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง รองจากธนาคารกรุงไทย โดยถือหุ้น KTC สัดส่วนประมาณ 16% ราคาเฉลี่ยประมาณ 3 บาท โดยถือไว้ยาวนานนับสิบปี จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นไประดับ 70-80 บาท ก่อนแบ่งขายหุ้นให้กองทุนต่างประเทศกว่า 4% ของทุนจดทะเบียน เมื่อต้นปี 2564
ล่าสุดนายมงคลถือหุ้น KTC ในสัดส่วน 12.70% หุ้น XPG สัดส่วน 6.09% ของทุนจดทะเบียน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ถือหุ้น BEC ในสัดส่วน 4.58% ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 และถือหุ้นใน TPS สัดส่วน 16.60% ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2
นักลงทุน V.I. ตัวจริงเสียงจริงที่เคร่งครัดในวินัยลงทุน มักจะไม่ใช้มาร์จิ้น และไม่มีใครรับรู้มาก่อนว่า นายมงคลนำหุ้นไปจำนำเพื่อขอวงเงินมาร์จิ้น เพราะคิดกันว่า มีเงินสดอยู่เต็มมือ จากการแบ่งขายหุ้น KTC ออกไป
แต่ไม่มีใครรู้จริงถึงสภาพคล่องทางการเงินของ V.I. รายใหญ่คนนี้
นายมงคลร่ำรรวยจากหุ้น KTC เพียงตัวเดียว และถ้าจะขายในช่วงที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงสุด จะโกยกำไรประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่นายมงคลก็ไม่ได้ขาย
ความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้น KTC ยุคที่นายระเฑียร ศรีมงคล เป็นประธานเจาหน้าที่บริหาร KTC ทำให้นายมงคลเชื่อมือหรือเชื่อถือนายระเฑียรมาก เมื่อนายระเฑียรเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท ซีมิโก้ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ ZMICO และเปลี่ยนชื่อมาเป็น XPG นายมงคลจึงตามมาลงทุนด้วย
กลางปี 2564 XPG จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 1,035.34 ล้านหุ้น เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้บุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท โดยหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 403.38 ล้านหุ้น จัดสรรให้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,653.85 ล้านบาท
จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 268.92 ล้านหุ้น ให้บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,102.56 ล้านบาท และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 363.04 ล้านหุ้น ให้นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,488.47 ล้านบาท
แต่ทั้งแสนสิริ วิริยะประกันภัย และ นายมงคล ต้องบาดเจ็บหนักจากหุ้น XPG เพราะราคาหุ้นดำดิ่งต่อเนื่อง และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ นับจากนายระเฑียรเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และบริหารงาน
นายระเฑียรประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต จากการบริหาร KTC แต่สำหรับ XPG นายระเฑียรยังหาทางไปไม่เจอ ทำให้พันธมิตร 3 รายใหญ่ที่ชักชวนมาร่วมลงขันรายละกว่า 1,000 ล้านบาท ขาดทุนหนักกันถ้วนหน้า รวมทั้งนักลงทุนรายย่อยที่ร่วมเป็นผู้โดยสาร XPG อีกกว่า 1.4 หมื่นชีวิต
หุ้นกลุ่มนายมงคล ฟลอร์แรกไปแล้ว และอยู่ระหว่างถูกจับตาว่า จะมีฟลอร์ที่ 2 หรือ 3 ตามมาอีกหรือไม่
การที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศด่วน ออกมาตรการกำหนดเพดานขึ้นลงของหุ้นเหลือ 15% มีคำถามว่า เป็นความบังเอิญที่เกิดเหตุการณ์สอดรับกัน
หรือตลาดหลักทรัพย์ ฯ รู้ล่วงหน้าว่า จะเกิดการบังคับขายหุ้นกลุ่ม EA และหุ้นกลุ่มนายมงคล จึงเตรียมมาตรการไว้รองรับ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ใครจะคาดคิดว่า นักลงทุน V.I. ที่ร่ำรวยที่สุด “มงคล ประกิตชัยวัฒนา” จะมีวันนี้ วันที่จนตรอกและถูกบังคับขายหุ้น