"บิดาแห่งบิทคอยน์องค์กร" ไมเคิล เซย์เลอร์ แห่ง MicroStrategy ยังคงเดินหน้าท้ารบกับความผันผวนของตลาดคริปโตฯ ไม่เลิก! แม้บริษัทยักษ์ใหญ่ของเขาจะเพิ่งเจอคดีฟ้องร้องหนักข้อจากนักลงทุน กรณีขาดทุนบิทคอยน์มหาศาลเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2 แสนล้านบาท) ในไตรมาสแรก แต่ "เซย์เลอร์" กลับแง้มเป็นนัยว่าอาจมี "ดีลใหญ่" ซื้อบิทคอยน์เพิ่มอีกในอนาคต!
สถานการณ์ของ MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ที่กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ถือครองบิทคอยน์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังร้อนระอุถึงขีดสุด เมื่อไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร ได้ส่งสัญญาณเป็นนัยถึงความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อบิทคอยน์เพิ่มอีก แม้ว่าบริษัทจะกำลังเผชิญกับมรสุมทางกฎหมายครั้งสำคัญจากการถูกฟ้องร้องโดยนักลงทุน
คดีฟ้องร้องดังกล่าวเป็นผลมาจากรายงานผลประกอบการของ MicroStrategy ในไตรมาสแรก ซึ่งระบุว่าบริษัทประสบภาวะขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized loss) จากการถือครองบิทคอยน์สูงถึง 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 190,000 ล้านบาท ตัวเลขการขาดทุนที่มหาศาลนี้ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงเกือบ 9% สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก
เนื้อหาในคำฟ้องระบุว่า ไมเคิล เซย์เลอร์ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของ MicroStrategy ได้ละเมิดหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหาร (breached their fiduciary duties) ก่อนที่บริษัทจะรายงานตัวเลขการขาดทุนบิทคอยน์อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนวิธีการบันทึกมูลค่าบิทคอยน์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลประกอบการที่ปรากฏสู่สาธารณะ
ไม่เพียงเท่านั้น คำฟ้องยังกล่าวหาว่า ผู้บริหารของ MicroStrategy มีส่วนร่วมในการ "ขายหุ้นภายในบริษัทเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน" (engaging in lucrative insider sales) ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ในภาวะ "ถูกปั่นขึ้นมาอย่างผิดปกติ" (artificially inflated) ก่อนที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางบัญชีจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง ก็จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงให้กับคดีความที่ MicroStrategy กำลังเผชิญ
ท่ามกลางวิกฤตที่ถาโถมเข้ามานี้ การที่ไมเคิล เซย์เลอร์ ยังคงแสดงท่าทีไม่สะทกสะท้าน และยังคงแง้มถึงความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อบิทคอยน์เพิ่มอีกในอนาคตนั้น ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่ากลยุทธ์การลงทุนของ MicroStrategy ที่ยึดบิทคอยน์เป็นหลักนั้น เป็นการตัดสินใจที่ "บ้าบิ่น" หรือ "มองการณ์ไกล" กันแน่? นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาดูการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ ไมเคิล เซย์เลอร์ และ MicroStrategy อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบใด ก็จะส่งผลสะเทือนต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีและแนวคิดการลงทุนของบริษัทองค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้