โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม ฯ เปิด 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2568 ครึ่งปีแรกเปิดตัวแล้ว 2 ผลิตภัณฑ์ เน้นสินค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนที่รุ่นที่หันมาอยู่สายสุขภาพมากขึ้น รับปัจจัยหนุนการระบาดของโควิด – 19 ดันความต้องการยาสมุนไพรพุ่งแรง ขณะ 5 เดือนแรกผลงานเป็นที่น่าพอใจ สัดส่วนสินค้า OWN BRAND ตีตื้นสัดส่วนเทียบ OEM อยู่ที่ 60:40 สินค้าขายดียังเป็นสินค้าดูแลอาการเสื่อมของวัยตอบโจทย์กลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ล่าสุดสินค้ากลุ่มวิตามินตอบโจทย์กลุ่มอายุ 30 – 40 ยอดขายเริ่มมาแรง
นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JSP) เปิดเผยว่าในครึ่งปีแรกได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปแล้ว 2 ผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ สุภาพโอสถ โดยเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เช่นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน และวิตามินที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการชาวออฟฟิศเช่นการอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เน้นการดูแลตัวเองก่อนป่วยซึ่งตอบโจทย์การปรับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่เน้นวิถีการใช้ชีวิตที่ดีแทนการใช้ยารักษาโรค ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มคนอายุ 30 – 50 ปี ขณะที่กลุ่มคนอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เน้นการดูแลอาการเสื่อมของวัย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้ำมันงาดำและวิตามินบีรวม และอาหารเสริมบำรุงสายตา เป็นต้น
นอกจากนี้การระบาดของโรคโควิด – 19 ครั้งใหม่ ส่งผลให้ความต้องการยาสมุนไพรไทยได้เพิ่มขึ้นสูงอีกครั้ง โดยสมุนไพรที่ได้รับความนิยมนอกจากฟ้าทะลายโจรแล้ว ยังมี วิตามินซี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
จากการเพิ่มการออกผลิตภัณฑ์ใหม่รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากการปรับพฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันที่เน้นการดูแลสุขภาพมากขึ้นทำให้ 5 เดือนแรกยอดขายของ JSP เป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าปีนี้ยอดขายน่าจะ เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 900 – 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจาก สินค้า OWN BRAND และรับจ้างผลิต ( OEM BRAND)ภายใต้แบรนด์สุภาพโอสถ มีสัดส่วน อยู่ที่ 60% และ40% กลุ่มสินค้าที่เติบโตทั้งจาก OEM และสินค้า OWN BRAND ยังคงเป็นสินค้าที่เน้นการดูแลอาการเสื่อมของวัย แต่ล่าสุดยอดขายสินค้ากลุ่มวิตามินมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ยอดขายของ JSP สูงขึ้นมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงค่าบริการในการรักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 6-8% หรือบางกรณีสามารถเพิ่มสูงถึงมากกว่า 10% ดังนั้นการหันมาดูแลตัวเองป่วยโดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจชะลอจึงทำให้สินค้าอาหารเสริมได้รับความนิยมมากขึ้น