xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.85-โมเมนตัมการอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.50-33.20 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-33.00 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้(23มิ.ย.68)ที่ 32.85 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.71-32.90 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย หลังตลาดรับรู้ผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยสหรัฐฯ ผ่าน “Operation Midnight Hammer” ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ทางการอิหร่านอาจตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ กระทบต่อโฟลว์น้ำมันตลาดโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นเกิน +2% ส่วนเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นบ้าง ตามความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้

ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งยังพอได้รับอานิสงส์บ้างจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้นและยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงมาก

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะออกมาแย่กว่าคาด แต่เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ร้อนแรง และการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น ผลการประชุม กนง. และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น พร้อมติดตาม สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น กดดันให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ แบบ Sideways Up ท่ามกลางปัจจัยกดดันเงินบาท ทั้ง ปัญหาการเมืองภายในของไทย ที่อาจทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติต่างยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะในช่วงที่สินทรัพย์ฝั่งตลาดเกิดใหม่ (EM) เสี่ยงเผชิญแรงขายจากภาวะปิดรับความเสี่ยงในระยะสั้น จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้น ซึ่งต้องจับตาการตอบโต้ของทางการอิหร่าน หลังสหรัฐฯ ได้โจมตีทางอากาศใส่โครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซได้จริง (มิใช่เพียงการขู่ เหมือนในอดีต) ก็อาจส่งผลกระทบต่อโฟลว์น้ำมันตลาดโลก หนุนให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ แม้ว่าเงินบาทจะพอได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นบ้างของราคาทองคำก็ตาม แต่เรามองว่า อิหร่านอาจเลือกที่จะไม่ตอบโต้ทางการทหารที่รุนแรง ซึ่งจะเสี่ยงต่อการให้สหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งครั้งนี้แบบเต็มรูปแบบ และไม่คุ้มค่าในเชิง Risk-Reward ทำให้เราประเมินว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจไม่ได้ลุกลาม บานปลายเป็นวงกว้าง ในเชิงการเผชิญหน้าทางการทหาร แต่ยังมีผลกระทบต่อโฟลว์น้ำมันตลาดโลกพอสมควร ทำให้ราคาทองคำอาจได้รับอานิสงส์ น้อยกว่า ราคาน้ำมันดิบ (โดยเฉพาะในกรณีที่อิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ) อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.80-32.90 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจพอได้แรงหนุนบ้าง หากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรง ลุมลาม บานปลาย แต่หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจกดดันเงินดอลลาร์ได้ไม่ยาก
กำลังโหลดความคิดเห็น