กรุงเตหะรานระอุ! หลังจากกลุ่มแฮกเกอร์หนุนอิสราเอลประกาศศักดาถล่ม Nobitex แพลตฟอร์มคริปโตฯ ยักษ์ใหญ่ของอิหร่าน สูญเงินสะเทือนเลื่อนลั่นกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ธนาคารกลางอิหร่านไม่รอช้า ออกคำสั่ง "เคอร์ฟิว" การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จำกัดเวลาทำการแค่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม หวังตัดไฟแต่ต้นลม สกัดเม็ดเงินไหลออกประเทศ และป้องกันการถูกโจมตีซ้ำเติม เชื่อเป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจที่กำลังเปราะบางสุดขีด
สถานการณ์ในอิหร่านกำลังตึงเครียดขึ้นอีกครั้งในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัล เมื่อธนาคารกลางอิหร่าน (CBI) ได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดกับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศ โดยกำหนดเวลาทำการสำหรับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศให้สามารถดำเนินการได้ระหว่างเวลา 10.00 น. ถึง 20.00 น. เท่านั้น คำสั่ง "เคอร์ฟิวคริปโตฯ" ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันภายหลังเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อ Nobitex ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของระบบนิเวศคริปโทฯ ของอิหร่าน ได้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การวิเคราะห์จาก Chainalysis ชี้ให้เห็นว่า การกำหนดเวลาทำการที่จำกัดนี้ เป็นความพยายามของอิหร่านที่จะป้องกันการไหลออกของเงินทุนจำนวนมหาศาลออกจากประเทศ (capital flight) ซึ่งเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจที่อิหร่านต้องเผชิญมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นมาตรการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นซ้ำรอย
สำหรับ Nobitex นั้น ถือเป็นแพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซีที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในอิหร่าน ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 4 ล้านราย และเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับชาวอิหร่าน เหตุการณ์แฮกครั้งนี้ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่หลวง โดยแฮกเกอร์ได้กวาดสินทรัพย์ไปหลากหลายชนิด ทั้ง Bitcoin, Ether, Dogecoin, XRP และ Solana ซึ่งสะท้อนถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรมองข้าม
กลุ่มแฮกเกอร์ที่ออกมาอ้างความรับผิดชอบในครั้งนี้คือ "Gonjeshke Darande" (กอนเจชเก ดารันเด) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสัมพันธ์และจุดยืนทางการเมืองที่สนับสนุนอิสราเอล โดยพวกเขาได้ออกแถลงการณ์อย่างชัดเจนว่าการโจมตีครั้งนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง และเป็นการส่งสารไปยังอิหร่าน
หลังเกิดเหตุ Nobitex ได้ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน โดยการตัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์จากภายนอกทั้งหมด และโอนย้ายสินทรัพย์ของผู้ใช้งานไปยังระบบจัดเก็บแบบออฟไลน์ที่เรียกว่า "cold storage" เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่วุ่นวายและสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งาน แต่ Nobitex ได้ออกมายืนยันว่าสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม และเน้นย้ำถึงการรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมด โดยระบุว่า "Nobitex Reserve Fund" หรือกองทุนสำรองของบริษัท จะเป็นผู้รับผิดชอบและชดเชยสินทรัพย์ที่สูญเสียไปทั้งหมดให้กับผู้ใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจและลดความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุน
ทั้งนี้เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับ Nobitex และรัฐบาลอิหร่านเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีแรงจูงใจที่ซับซ้อน ทั้งจากอาชญากรและกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มีวาระทางการเมืองแอบแฝง
