xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.69-ติดตามสถานการณ์การเมืองไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(19มิ.ย.68)ที่ระดับ 32.69 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.56-32.70 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด ทว่า คาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หรือ Dot Plot ใหม่ สะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง สอดคล้องกับมุมมองของผู้เล่นในตลาด แต่ เฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ต่อ ปี ในปี 2026 และ 2027 ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยที่น้อยกว่าคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาด

นอกจากนี้ ประธานเฟดยังคงย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบเดินหน้าลดดอกเบี้ย เพื่อรอประเมินข้อมูลให้รอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าลงของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ยังพอสามารถรีบาวด์สูงขึ้นได้ จากที่ปรับตัวลดลงหลังรับรู้ผลการประชุมเฟด ตามแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดช่วงนี้ จนกว่าตลาดจะคลายกังวลสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยเราประเมินว่า BOE อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25% เพื่อรอประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ไม่ต่างจากการตัดสินใจของเฟดล่าสุด ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOE มีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 2 ครั้ง ในปีนี้

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง ในปีนี้ ก่อนที่จะจบรอบการลดดอกเบี้ย

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่น ในเดือนพฤษภาคม ที่จะรายงานในช่วงราว 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย โดยรายงานอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว อาจส่งผลต่อการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน รวมถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองไทย ในจังหวะที่เงินดอลลาร์ก็เริ่มมีแรงหนุนฝั่งแข็งค่ามากขึ้น อาจกดดันให้เงินบาทเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง ทว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่า เร็ว แรง ไปมากนัก ตราบใดที่ความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองไทย ไม่ได้พัฒนาไปสู่ วิกฤตการเมือง จนอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนต่างชาติอย่างรุนแรง นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงนั้น อาจยังคงหนุนการปรับตัวขึ้นบ้างของราคาทองคำ ซึ่งจะช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้ ทำให้ในระยะสั้น เงินบาทอาจยังมีโซนแนวต้านแถว 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ในเชิงเทคนิคัล หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เราพบว่า หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน จะเกิดสัญญาณ Long USDTHB สะท้อนว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงต่อได้ ส่วนแนวรับของเงินบาทนั้น อาจขยับขึ้นมาแถวโซน 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์
กำลังโหลดความคิดเห็น