ราคาบิทคอยน์เผชิญความผันผวนหนัก หลังร่วงแตะ 103,400 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้แนวรับสำคัญที่ 102,000-103,000 ดอลลาร์เป็นจุดชี้ชะตา หากหลุดอาจเห็นขาลงยาว แต่ถ้าถือยันได้ อาจพุ่งกลับสู่ขาขึ้น แนะจับตาสงครามตะวันออกกลางและนโยบาย Fed จะกำหนดทิศทางต่อไป
วงการคริปโตกำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด! ราคา บิทคอยน์ (BTC) เผชิญความผันผวนรุนแรง โดยร่วงลงถึง 103,400 ดอลลาร์ (ราว 3.5 ล้านบาท) ในช่วงค่ำของวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ตามเวลานิวยอร์ก หลังความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน ทวีความรุนแรง นักวิเคราะห์จาก Bitfinex เตือนว่าแนวรับที่ 102,000-103,000 ดอลลาร์ เป็นจุดชี้ชะตา หากบิทคอยน์ยืนเหนือระดับนี้ได้นานพอ อาจเห็นการฟื้นตัวครั้งใหญ่ แต่หากหลุดแนวรับนี้ ตลาดอาจเข้าสู่ขาลงยาวที่ทำนักลงทุนใจสั่น!
แนวรับ 102,000 ดอลลาร์ ชี้ชะตาจะเป็นตลาดวัวหรือตลาดหมี
รายงานจาก Bitfinex ระบุว่า ราคาบิทคอยน์ต้องยืนเหนือโซน 102,000-103,000 ดอลลาร์ เพื่อรักษาโมเมนตัมขาขึ้น โดยชี้ว่าโซนนี้เป็นระดับที่เคยเป็นแนวต้านสำคัญในอดีต และตอนนี้กลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง หาก BTC สามารถยึดแนวนี้ไว้ได้ อาจมีโอกาสกลับไปทดสอบแนวต้านที่ 106,000 ดอลลาร์ หรือแม้แต่พุ่งสู่จุดสูงสุดตลอดกาลที่ 111,970 ดอลลาร์ ซึ่งบันทึกไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังมีอยู่โดยDaan Crypto Trades เทรดเดอร์ชื่อดัง โพสต์บน X ว่า บิทคอยน์กำลัง “ติดหลุม” บริเวณจุดสูงสุดเดิม และอาจต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง (sideways) ในระยะสั้น นักวิเคราะห์บางรายถึงกับมองว่า หากแนวรับ 102,000 ดอลลาร์แตก ราคาอาจร่วงสู่โซน 98,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญ ตามการคาดการณ์ของ CoinDCX
สงครามตะวันออกกลาง ตัวการฉุดบิทคอยน์
ความผันผวนครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ อิสราเอล-อิหร่าน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเข้าสู่โหมด “หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” (risk-off) บิทคอยน์ร่วงลงถึง 4% ในวันที่ 17 มิถุนายน ขณะที่ Ether (ETH) และอัลท์คอยน์อื่น ๆ ดิ่งหนักยิ่งกว่า โดย ETH ร่วงถึง 9.4% แตะ 2,400 ดอลลาร์
ขณะที่โพสต์บน X จาก @CryptoAliceTH ชี้ว่า การร่วงของบิทคอยน์อาจเกี่ยวข้องกับความหวังที่ลดลงในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลังข้อมูล CPI เดือนพฤษภาคมออกมาที่ 2.4% ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่ยังไม่เพียงพอให้ Fed ผ่อนคลายนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากสงครามอาจผลักดันให้น้ำมัน และ ทองคำซึ่งพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน กลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนเลือกมากกว่าบิทคอยน์
แนวโน้มขาขึ้น ยังมีหวังหรือไม่?
ถึงแม้จะมีความเสี่ยง นักวิเคราะห์บางรายยังมองโลกในแง่ดี! Bitfinex ชี้ว่า ตลาดขณะนี้มีลักษณะคล้าย “การยอมจำนนของนักลงทุน” (capitulation) ซึ่งมักนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในอดีต หากนักลงทุนเริ่มกลับมามั่นใจ อาจเห็นบิทคอยน์พุ่งขึ้นอีกครั้ง แมทธิว ไฮแลนด์ เทรดเดอร์บน X ระบุว่า ราคายังอยู่ใน เทรนด์ขาขึ้น แม้จะผันผวนบ้าง และโครงสร้างกราฟยังไม่เสียหาย
ขณะที่ @Crypto_TomP โพสต์บน X วิเคราะห์ว่า กราฟบิทคอยน์กำลังก่อตัวเป็น Inverse Head and Shoulders ซึ่งเป็นแพทเทิร์นขาขึ้น หากไม่หลอกลวง อาจเห็นราคากลับไปทดสอบ 110,000 ดอลลาร์ ในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ CrypNuevo นักวิเคราะห์อิสระ แชร์กราฟบน X ว่า บิทคอยน์ยืนเหนือ 100,000 ดอลลาร์ ได้สำเร็จหลังการทดสอบเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแนวรับนี้
ปัจจัยเสี่ยงกระทบราคาที่นักลงทุนต้องจับตา
ทิศทางของบิทคอยน์ในช่วงนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย:
1.สงครามอิสราเอล-อิหร่าน : โดย หากความขัดแย้งทวีความรุนแรง โดยเฉพาะการปิด ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำมันสำคัญ อาจฉุดบิทคอยน์ลงต่อ ตามคำเตือนของ นิค แพคกริน จาก Coin Bureau
2.นโยบาย Fed : การประชุม FOMC ในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จะเป็นตัวกำหนดทิศทาง หาก Fed ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% ตามที่ CME FedWatch Tool คาดการณ์ (โอกาส 99.8%) บิทคอยน์อาจเผชิญแรงกดดัน แต่หากมีสัญญาณลดดอกเบี้ย อาจหนุนราคาให้พุ่ง
3.ETF บิทคอยน์ : กระแสเงินไหลเข้าสู่ Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง โดยเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน มีเงินไหลเข้า 301 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสถาบัน ซึ่งอาจช่วยพยุงราคา
4.ตัวชี้วัดเทคนิค: นักวิเคราะห์จาก CoinDCX ชี้ว่า หากบิทคอยน์เด้งกลับจาก 100 หรือ 200 EMA อาจพุ่งสู่ 108,000 ดอลลาร์ แต่หากหลุด 102,000 ดอลลาร์ อาจร่วงสู่ 98,000 ดอลลาร์
แนวโน้มบิทคอยน์ในระยะยาวจะ รุ่งหรือร่วง?
แม้ระยะสั้นจะผันผวน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองบวกในระยะยาว Bitwise คาดการณ์ว่า “มูลค่ายุติธรรม” ของบิทคอยน์อาจสูงถึง 230,000 ดอลลาร์ ภายในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งและนโยบายลดภาษีของทรัมป์ ซึ่งอาจกระตุ้นเงินเฟ้อและผลักดันให้บิทคอยน์เป็น “ทองคำดิจิทัล” นอกจากนี้ การยอมรับบิทคอยน์จากบริษัทยักษ์ใหญ่และกองทุนความมั่งคั่ง เช่น การที่ BlackRock มองคริปโตเป็นสินทรัพย์หลัก อาจหนุนราคาให้พุ่งต่อ
อย่างไรก็ตาม ความเห็นที่ระมัดระวังก็มีอยู่ โดยจอร์น โบลลิงเกอร์ นักวิเคราะห์ชื่อดัง เตือนว่า โครงสร้างขาขขึ้นของบิทคอยน์เริ่ม “อ่อนแรง” และอาจเห็นการปรับฐานลึกหากโมเมนตัมไม่กลับมา ขณะที่ Mickybull Crypto ชี้ว่า กราฟรายวันมีแพทเทิร์น Head and Shoulders ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วงสู่ 101,500 ดอลลาร์
นักลงทุนเตรียมรับมืออย่างไร?
สำหรับนักลงทุนคริปโต เหตุการณ์นี้เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ได้แก่
1.ระวังความผันผวน : หลีกเลี่ยงการ all-in ในช่วงที่ตลาดผันผวนจากสงครามและนโยบาย Fed
2.จับตาแนวรับ-แนวต้าน : แนวรับ 102,000 ดอลลาร์ และแนวต้าน 106,000 ดอลลาร์ เป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจซื้อหรือขาย
3.กระจายความเสี่ยง : อย่าพึ่งพาบิทคอยน์เพียงอย่างเดียว ลองมองอัลท์คอยน์ที่มีศักยภาพ เช่น HYPE, BCH, AAVE ซึ่งเริ่มมีสัญญาณบวก
4.มองระยะยาว: หากเชื่อในอนาคตของบิทคอยน์ การร่วงอาจเป็นโอกาสสะสม โดยเฉพาะเมื่อ ETF และการยอมรับจากสถาบันยังแข็งแกร่ง
บิทคอยน์ : ของความหวังและความกลัว
จากแนวรับ 102,000 ดอลลาร์ที่เป็นจุดชี้ชะตา สู่สงครามตะวันออกกลางและนโยบาย Fed ที่กำหนดทิศทาง ราคาบิทคอยน์ในตอนนี้คือสมรภูมิที่เต็มไปด้วยความหวังและความกลัว นักลงทุนจะยึดแนวรับนี้ไว้ได้ หรือจะปล่อยให้หมีครองตลาด? วงการคริปโตไม่เคยเงียบ และทุกวินาทีคือการต่อสู้เพื่ออนาคตของ “ทองคำดิจิทัล”!