นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(18มิ.ย.68)ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.40-32.75 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.48-32.64 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่แม้จะเผชิญแรงกดดันจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ที่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคม หดตัว -0.9%m/m และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนพฤษภาคม ก็หดตัว -0.2%m/m
ทว่าเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า สหรัฐฯ อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล จนส่งผลให้สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงและลุกลามบานปลายได้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 145 เยนต่อดอลลาร์ หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% พร้อมส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท ก็ถูกชะลอด้วยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าใกล้โซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หากสหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วม
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันที่ 19 มิถุนายน โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่ของเฟด
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า BOE อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้อีกราว 2 ครั้ง ครั้งละ 25bps ในปีนี้ นอกจากนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 5.50% หรือไม่
นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน รวมถึงสถานการณ์ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง อย่าง การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ เพราะแม้ว่า เงินดอลลาร์จะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง จากความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทว่า ความกังวลดังกล่าวก็ยังพอช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินบาทเข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.60 บาทต่อดอลลาร์ อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือปิดสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ที่เริ่มเปิดสถานะดังกล่าวกันมาบ้าง ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ หากบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม กดดันให้ บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้น นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นแรงอีกครั้งของราคาน้ำมันดิบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ก็อาจเพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท ผ่านโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับน้ำมันดิบได้
อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยเรากังวลว่า แม้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด แต่หากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย หรือ Dot Plot ใหม่ ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ก็อาจหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกัน หาก Dot Plot ใหม่ สะท้อนว่า เฟดอาจมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ โดยเฉพาะในปีหน้า รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะยาว (Long-run Policy Rate) ก็อาจกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อ พร้อมกับการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ได้
และที่สำคัญ เราขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด เนื่องจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2022 (เพื่อให้ข้อมูลมากพอ จนมีนัยเชิงสถิติ) ชี้ว่า เงินบาท (USDTHB) อาจมีการแกว่งตัวในระดับ +/- 1SD ได้ราว +/-0.30% ในช่วง 30 นาที หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด