สภาแห่งชาติเวียดนามไฟเขียวลุยคริปโตเต็มสูบ! ผ่านกฎหมายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล เริ่ม 1 ม.ค. 2569 หวังดันประเทศเป็นศูนย์กลาง Web3 และ AI แห่งเอเชีย พร้อมวางกรอบเข้มโทษหนักหากคาบเกี่ยว "ฟอกเงิน"
วงการคริปโตเอเชียก้าวไปอีกขั้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 สภาแห่งชาติเวียดนามลงมติผ่าน กฎหมายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล (Law on Digital Technology Industry) ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโต ได้รับการยอมรับอย่างถูกกฎหมายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 โดยกฎหมายนี้ไม่เพียงเปิดประตูให้คริปโต แต่ยังเป็นใบเบิกทางให้เวียดนามก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในระดับโลก ด้วยเป้าหมายยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลและปั้นอุตสาหกรรม AI กับเซมิคอนดักเตอร์ในอนาคตอันใกล้
เวียดนามตั้งเป้าหมายใหญ่ เป็นศูนย์กลาง Web3 และเทคแห่งเอเชีย
เวียดนามไม่ได้มาเล่น ๆ โดยกฎหมายฉบับนี้สะท้อนพัฒนาการเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลที่ต้องการเปลี่ยนประเทศจากฐานการผลิตราคาถูกสู่ ฮับเทคโนโลยีชั้นนำเพื่อการแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่างสิงคโปร์และฮ่องกง โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะเป็นหัวหอกในการบังคับใช้กฎหมาย ร่วมกับกระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งชาติเวียดนาม เพื่อกำกับดูแลคริปโตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการป้องกันการฟอกเงินและการระดมทุนก่อการร้ายตามแนวทางของ Financial Action Task Force (FATF) ซึ่งเวียดนามอยู่ใน บัญชีสีเทา ตั้งแต่ปี 2566
นอกจากการลงทุนคริปโตแล้ว กฎหมายยังให้สิทธิพิเศษทางภาษี และ เงินสนับสนุน สำหรับบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยี AI, เซมิคอนดักเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลหวังว่า นโยบายนี้จะดึงดูดการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung, Intel และ Nvidia ซึ่งมีฐานการผลิตในเวียดนามอยู่แล้ว รวมถึงสตาร์ทอัพ Web3 จากทั่วโลก
ทำไมเวียดนามถึงลุยคริปโตตอนนี้?
เวียดนามมีหนึ่งในชุมชนคริปโตที่คึกคักที่สุดในโลก จากข้อมูลของ Chainalysis ในปี 2566 เวียดนามติดอันดับ ท็อป 5 ในการยอมรับคริปโตทั่วโลก ด้วยประชากรที่อายุน้อย (กว่า 60% อายุต่ำกว่า 35 ปี) และการใช้สมาร์ทโฟนที่แพร่หลายถึง 85% ทำให้คริปโตกลายเป็นทางเลือกการลงทุนยอดนิยม โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มองว่าเป็นโอกาสรวยเร็วท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโต 6-7% ต่อปี
ขณะที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเวียดนามเคยเข้มงวดกับคริปโต โดยในปี 2561 ธนาคารแห่งชาติเวียดนามออกคำสั่งสั่งห้ามธนาคารและสถาบันการเงินให้บริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เนื่องจากกังวลเรื่องการฟอกเงินและความผันผวน แต่การเติบโตของบล็อกเชนและแรงกดดันจากชุมชนคริปโต ทำให้รัฐบาลต้องเปลี่ยนท่าที ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2568 ต่อมากระทรวงการคลังประกาศแผนทดลองตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแห่งชาติโดยได้ Bybit แพลตฟอร์มคริปโตอันดับสองของโลก ช่วยให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหมายคริปโตฉบับใหม่ของเวียดนามให้อะไรบ้าง?
กฎหมายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของเวียดนามไม่ใช่แค่การทำให้คริปโตถูกกฎหมาย แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับ ระบบนิเวศดิจิทัล ที่ครอบคลุมประเภทการลงทุนต่างๆ ได้แก่
1.กำกับดูแลคริปโต : สินทรัพย์ดิจิทัลจะอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานรัฐ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความโปร่งใสและปลอดภัยสำหรับนักลงทุน
2.ป้องกันการฟอกเงิน: มีการบังคับใช้ KYC (Know Your Customer) และ AML (Anti-Money Laundering) ตามมาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองความกังวลของ FATF
3. สนับสนุน Web3 : รัฐบาลเวียดนามจะส่งเสริมการพัฒนาแอปพลิเคชันบล็อกเชน เช่น DeFi, NFT และการเงินข้ามพรมแดน
4.โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล: ลงทุนในโครงข่าย 5G, คลาวด์คอมพิวติ้ง และศูนย์ข้อมูล เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล
รัฐบาลเวียดนามระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกของโลกที่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล” ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม
ความเสี่ยงและความท้าทาย
ถึงแม้กฎหมายนี้จะดูเป็นก้าวกระโดด แต่ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นักวิเคราะห์เตือนว่า การกำกับดูแลที่เข้มงวดอาจกลายเป็น ดาบสองคม เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่าง เช่น
1.กฎระเบียบที่เข้มเกินไป: การบังคับใช้ KYC และ AML อาจทำให้สตาร์ทอัพคริปโตขนาดเล็กหรือนักลงทุนรายย่อยรู้สึกว่าถูกจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเขตอำนาจศาลที่ผ่อนคลายกว่าอย่างดูไบหรือสิงคโปร์
2.ความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน: แม้เวียดนามจะมีประชากรที่พร้อมใช้เทคโนโลยี แต่โครงข่ายไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลยังไม่เสถียร ซึ่งอาจขัดขวางการพัฒนา Web3
3.การแข่งขันในภูมิภาค: สิงคโปร์และฮ่องกงมีระบบนิเวศคริปโตที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และเพิ่งออกกฎหมายเข้มงวดเพื่อป้องกันการฟอกเงิน ทำให้เวียดนามต้องเร่งสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อดึงดูดนักลงทุน
นอกจากนี้ การที่เวียดนามอยู่ในบัญชีสีเทาของ FATF หมายความว่ารัฐบาลต้องพิสูจน์ว่า สามารถควบคุมคริปโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้นอาจถูกกดดันจากนานาชาติ ซึ่งจะกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศ
ชุมชนคริปโตเวียดนามพร้อมรับการเติบโต ในโลกการลงทุนใหม่?
ชุมชนคริปโตในเวียดนามกำลังคึกคักสุดขีด! โพสต์บน X ว่านักลงทุนและสตาร์ทอัพในโฮจิมินห์และฮานอยเริ่มจัดงานสัมมนา Web3 และแฮกกาธอนเพื่อฉลองกฎหมายใหม่ แต่ก็มีเสียงเตือนจากบางกลุ่มว่า รัฐบาลอาจใช้กฎหมายนี้เพื่อ “ควบคุม” มากกว่าส่งเสริม โดยเฉพาะการเก็บข้อมูล KYC ที่อาจกระทบความเป็นส่วนตัว
Isabella นักข่าวจาก CryptoNinjas วิเคราะห์ว่า “เวียดนามมีศักยภาพเป็นผู้นำ Web3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีชุมชนคริปโตที่แข็งแกร่งและรัฐบาลที่กล้าตัดสินใจ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการควบคุมได้หรือไม่”
อนาคตของเวียดนามในโลกดิจิทัล
การทำให้คริปโตถูกกฎหมายของเวียดนามไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงในวงการการเงิน แต่เป็นการประกาศศักดาว่า ประเทศนี้พร้อมแข่งขันในเวทีเทคโนโลยีโลก ด้วยประชากร 100 ล้านคนที่กระหายนวัตกรรม และนโยบายที่มุ่งสู่ AI, Web3 และเซมิคอนดักเตอร์ เวียดนามอาจกลายเป็น “เสือตัวใหม่” ของเอเชีย
อย่างไรก็ตาม คำถามใหญ่คือ รัฐบาลจะบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของคริปโตและแรงกดดันจากนานาชาติได้แค่ไหน? และนักลงทุนจะกล้าเดิมพันกับเวียดนาม หรือจะรอจนกว่าตลาดจะพิสูจน์ตัวเอง? สิ่งเดียวที่แน่นอนคือ วงการคริปโตเวียดนามกำลังร้อนระอุ และโลกกำลังจับตาศักยภาพของเวียดนามทั้งด้านการนำคริปโตมาใช้ และการพิสูจน์ตนเองจากประเทศที่ติดอยู่ในบัญชีสีเทาของ FATF!