แม้ปริมาณซื้อขายจะต่ำสุดในรอบปี แต่ราคาบิทคอยน์ยังพุ่งแรงไม่หยุด สวนกระแสความเงียบเหงาของนักลงทุนรายย่อย ขณะที่เบื้องหลังตลาดกลับเต็มไปด้วยแรงสะสมเงียบ อุปทานในตลาดแลกเปลี่ยนและ OTC ร่อยหรอลงจนถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ดอกเบี้ยฟิวเจอร์สกลายเป็นลบติดต่อกันหลายครั้ง นักวิเคราะห์มองสัญญาณเตือนว่าพายุลูกใหญ่ของตลาดบิทคอยน์อาจกำลังใกล้เข้ามา
ราคาของบิทคอยน์ ยังคงไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสภาวะที่ดูขัดแย้งอย่างรุนแรงกับความเป็นจริงในตลาด โดยปริมาณซื้อขายลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นวัฏจักรรอบปี 2566–2569 นักลงทุนรายย่อยหายหน้าหายตา แต่อัตราการระดมทุนกลับติดลบ และตลาดอนุพันธ์ยังเต็มไปด้วยตำแหน่ง long ที่รอการระเบิด
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่เพียงความคึกคักบนกราฟราคา แต่คือการ "ซุ่มทยอยสะสม" ที่ค่อยๆ ปูทางให้เกิดความตึงเครียดด้านอุปทานแบบคลื่นใต้น้ำ โดยข้อมูล on-chain ชี้ชัดว่าเหรียญ BTC กำลังทยอยไหลออกจากกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ และถูกส่งเข้ากระเป๋าเย็นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ต้นปี 2568 ปริมาณ BTC บนกระดานแลกเปลี่ยนลดลงอีก 14% เหลือเพียง 2.5 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่สิงหาคม 2565 ภาวะที่บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ไม่ต้องการ “ขาย” และเลือก “ถือ” อย่างแน่วแน่
ตลาด OTC ก็ส่งสัญญาณอุปทานตึงตัวขั้นวิกฤต โดยอัตราสำรอง BTC ที่เคาน์เตอร์นอกตลาดลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเหมืองขุด ซึ่งลดลงกว่า 19% เหลือเพียง 134,252 BTC ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2568 ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนแค่การลดลง แต่คือ “การขาดสภาพคล่องของปริมาณเหรียญในตลาด” ที่สะสมความตึงเครียดมากขึ้นและกำลังรอปะทุ
อย่างไรก็ดี ในบริบทแบบนี้ ตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะ “กระแส” หรือ FOMO ของรายย่อย แต่มาจากแรงบีบคั้นเชิงโครงสร้างของอุปทาน เมื่อสินทรัพย์เริ่ม “หายาก” การเคลื่อนไหวของราคาย่อมถูกขยายออกแบบไร้แรงต้าน
ขณะเดียวกัน อัตราการระดมทุน (funding rate) ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่ผู้ถือสัญญา long จ่ายให้ short ในตลาดฟิวเจอร์สแบบถาวร ก็กำลังส่งสัญญาณเตือนระยะสั้นที่น่าจับตาว่า "อัตราติดลบ" ท่ามกลางราคาที่กำลังพุ่งแรง
เหตุการณ์แบบนี้ถือว่า “หายากและรุนแรง” เพราะมันหมายถึงตลาด spot ยังแข็งแรงพอที่จะดูดซับแรงขาย แม้ตลาดฟิวเจอร์สจะเต็มไปด้วย short ที่รอชำระบัญชี
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา รูปแบบนี้เกิดขึ้นสามครั้งในรอบวัฏจักรปัจจุบัน และตามมาด้วยการพุ่งขึ้นของราคาทุกครั้งโดยล่าสุดคือช่วง 6–8 มิถุนายน ที่อัตราเงินทุนกลายเป็นลบ ในขณะที่ BTC ทะยานจาก $104,000 ขึ้นไปแตะ $110,000 ภายในเวลาไม่กี่วัน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้อาจไม่ใช่แค่ “ความเงียบก่อนพายุ” แต่คือ “พายุที่กำลังจะก่อตัวจากแรงอัดสะสม” ซึ่งมาจากความไม่สมดุลของอุปสงค์–อุปทาน และการสะสมที่ยังดำเนินต่อไปภายใต้ความเงียบงันของตลาด
แม้เสียงในตลาดจะเบา แต่ราคากำลังพูดดังขึ้นเรื่อยๆ โดยบิทคอยน์ไม่ได้วิ่งเพราะคนพูดเยอะ แต่มันกำลังถูกดูดออกไปเพื่อสร้างราคาให้สูงขึ้น เพราะเหรียญค่อยๆทยอยหายไปทีละน้อย ๆ