ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ออกคำสั่งฟ้าผ่า สั่งผู้ให้บริการโทเค็นดิจิทัลที่ไร้ใบอนุญาตหยุดกิจกรรมนอกประเทศทันที สั่นคลอนวงการคริปโตระดับเอเชีย Bitget–Bybit สองยักษ์ใหญ่เตรียมเก็บของย้ายฐาน ขณะที่ดูไบ–ฮ่องกงกลายเป็นแดนสวรรค์ใหม่ ขับเน้นความระอุของสงครามกฎเกณฑ์คริปโต ที่ทำให้สิงคโปร์จากแหล่งอิงอุ่นกลายเป็นแดนลี้ภัยของอดีต
แวดวงคริปโตในสิงคโปร์สะเทือนหนัก หลังธนาคารกลางแห่งชาติ หรือ Monetary Authority of Singapore (MAS) ประกาศกร้าวให้ผู้ให้บริการโทเค็นดิจิทัลที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตแบบ “เต็มขั้น” หยุดกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าต่างประเทศโดยทันทีไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติ
คำสั่งฉับพลันนี้ กระทบแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Bitget และ Bybit ในทันที โดยถูกระบุว่าดำเนินงานในนครรัฐโดยไม่มีใบอนุญาตแบบสมบูรณ์ โดย MAS ตั้งเส้นตายให้ทั้งสองบริษัทเคลียร์สถานะภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ มิฉะนั้นจะให้เตรียมถอนตัวออกจากประเทศ
สำนักข่าว Bloomberg เผยรายงานวงในว่า Bitget ไม่รอช้า กำลังจัดกระเป๋าย้ายพนักงานไป ดูไบ และ ฮ่องกง ที่เปิดแขนรับบริษัทด้านคริปโต พร้อมข้อได้เปรียบด้านภาษีและความชัดเจนทางกฎหมาย ขณะที่ Bybit ก็อยู่ในระหว่าง “สำรวจทางเลือก” ที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางเดียวกัน แม้ยังไม่ประกาศทิศทางอย่างเป็นทางการ
การเคลื่อนไหวของสองแพลตฟอร์มนี้สะท้อนปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคคริปโตย้ายถิ่นฐาน! เมื่อกฎระเบียบในบางประเทศเข้มขึ้น ผู้เล่นรายใหญ่ก็พร้อมจะ “เท” บ้านเดิมเพื่อความอยู่รอด
ขณะที่ดูไบในตอนนี้กลายเป็น แม่เหล็กคริปโตอย่างแท้จริง โดยหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือนจริง (VARA) ได้ออกใบอนุญาตให้กับบริษัทมากกว่า 20 แห่ง รวมถึง Binance และ Bybit ด้วยกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและภาษีที่เอื้ออำนวย ส่วนฮ่องกงก็ไม่น้อยหน้า ตั้งใจดันตนเองให้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะความร่วมมือข้ามพรมแดน
ย้อนกลับไปไม่กี่ปี สิงคโปร์เคยถูกยกให้เป็นสวรรค์คริปโตแห่งเอเชียแต่เหตุการณ์ตลาดคริปโตทรุดในปี 2565 ซึ่งลากเอาแพลตฟอร์มในพื้นที่อย่าง Three Arrows Capital และ Hodlnaut ดับอนาถ ได้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงให้รัฐบาลเปลี่ยนท่าที
โดย MAS เริ่มออกกฎเข้ม ตั้งแต่การจำกัดโฆษณา เตือนนักลงทุนรายย่อย ไปจนถึงปรับกติกาใบอนุญาตให้เข้มขึ้น แทบไม่เหลือภาพลักษณ์เสรีแบบเดิม
ขณะที่ การกวาดล้างล่าสุดของ MAS จึงไม่ใช่แค่การควบคุมในประเทศ แต่มุ่งไปที่การสกัดกั้น “กิจกรรมข้ามพรมแดน” ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในภาพรวม ด้วยเหตุนี้ แม้บริษัทจะไม่มีสำนักงานในสิงคโปร์ แต่ถ้ามีทีมงานประจำหรือลูกค้าต่างชาติอยู่ ก็เข้าข่าย “ต้องหยุดทันที”
นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า ท่าทีแข็งกร้าวของ MAS ครั้งนี้อาจทำให้สิงคโปร์ สูญเสียความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในตลาดคริปโตโลกโดยเฉพาะเมื่อประเทศคู่แข่งในเอเชียเริ่มเปิดกว้าง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บริษัทคริปโตที่ไม่มีใบอนุญาตกำลังเผชิญกับทางแยก จะยอมทำตามเพื่ออยู่รอดในแดนเก่า หรือย้ายถิ่นฐานไปยัง “แดนใหม่” ที่เป็นมิตรกว่า หากไม่มีใครถอย สงครามกฎเกณฑ์นี้คงจะลุกลามต่อเนื่อง และผลกระทบอาจไม่ได้หยุดแค่ที่พรมแดนสิงคโปร์เท่านั้น