ปัญญาประดิษฐ์กำลังกลายเป็นเครื่องมือของเหล่าอาชญากรในวงการคริปโต โดยเฉพาะ Deepfake ที่สร้างความสมจริงหลอกผู้คนทั่วโลก ล่าสุดรายงานร่วมจาก Bitget, SlowMist และ Elliptic เผยการฉ้อโกงทะลักกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ในปีเดียว พร้อมชี้แนวโน้มปี 2568 ยังน่ากังวล เมื่อ “ความจริง” อาจเป็นเพียงภาพลวงตา
ยุคที่ “เห็นกับตา” ก็อาจยังไม่พอจะเชื่อได้อีกต่อไปเมื่อรายงานต่อต้านการหลอกลวงในอุตสาหกรรมคริปโตประจำปี 2568 จากสามยักษ์ใหญ่ Bitget, SlowMist และ Elliptic เปิดโปงให้เห็นว่า AI โดยเฉพาะเทคนิค Deepfake กำลังถูกใช้เป็นอาวุธชั้นยอดของมิจฉาชีพทั่วโลก
โดยย้อนกลับไปในปี 2568 แค่ปีเดียว มูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงทางคริปโตทะยานแตะระดับ 4.6 พันล้านดอลลาร์ โดยการหลอกลวงที่ขับเคลื่อนด้วย AI มีความซับซ้อนสูง ใช้วิดีโอปลอม, ข้อเสนองานแฝงมัลแวร์, และ Zoom ปลอมมาเป็นเครื่องมือดูดเงินจากกระเป๋านักลงทุน
เกรซี่ เฉิน ซีอีโอ Bitget กล่าวว่า “ศัตรูตัวจริงของคริปโตในวันนี้ไม่ใช่ความผันผวนของราคา แต่คือการหลอกลวงที่ใช้ AI เป็นอาวุธ” เธอเน้นว่า AI ทำให้การหลอกลวง “เร็วขึ้น ถูกกว่า และจับได้ยากขึ้น”
โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพียงไตรมาสเดียว มีการกวาดล้างแก๊งหลอกลวงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างน้อย 87 กลุ่ม แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่กำลังบานปลาย
หนึ่งในกลยุทธ์สุดแสบ คือการใช้ Zoom เวอร์ชันปลอมล่อเหยื่อให้ติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นมิจฉาชีพจะสามารถควบคุมเครื่องของเหยื่อได้จากระยะไกลโดย ยู เซี่ยน ซีอีโอ SlowMist ย้ำว่า “ภาพวิดีโอที่เหยื่อเห็นใน Zoom คือ Deepfake ล้วนๆ สมจริงจนน่าขนลุก”
เพื่อสู้กลับ Bitget ได้ประกาศ "เดือนต่อต้านการหลอกลวง" พร้อมเปิดตัว Anti-Scam Hub, ด้วยการอัปเกรดระบบตรวจจับ และตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ใช้งานมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อ
นอกจากนี้ในรายงานยังระบุว่ากลโกงที่พบมากที่สุด ได้แก่
1.การปลอมตัวเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ (Impersonation) ด้วย Deepfake
2.วิศวกรรมทางสังคม (Social Engineering) สร้างความไว้วางใจก่อนเชือดเหยื่อ
3.แชร์ลูกโซ่ หรือ Ponzi scheme ในคราบ DeFi / NFT โครงการหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นการลงทุน
นอกจากนี้ เหล่าอาชญากรยังใช้เครื่องมือบิดเบือนข้อมูล, สะพานข้ามเชน และแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง Telegram และ X (Twitter) เพื่อเข้าถึงเหยื่ออย่างแม่นยำ
อาร์ดา อาคาร์ทูนา นักวิจัยภัยคุกคามจาก Elliptic เสริมว่า “AI กำลังขยายสนามรบ เราก็ต้องขยายอาวุธรับมือ” พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการร่วมมือข้ามแพลตฟอร์มเพื่อหยุดยั้งกระแสนี้
AI + โซเชียล = ระเบิดเวลา เหยื่อเสียเงินเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก Chainalysis ระบุว่ามูลค่าความเสียหายจากการฉ้อโกงด้วย AI และโซเชียลมีเดียในปี 2567 อาจพุ่งแตะ 9.9 พันล้านดอลลาร์ และอาจสูงถึง 12 พันล้าน เมื่อรวมกรณีที่ยังอยู่ระหว่างสืบสวน
กลลวงสุดฮิตในปีนี้คือ "ฆ่าหมู" (Pig Butchering Scam) ที่มิจฉาชีพใช้เวลาเป็นเดือนตีสนิทเหยื่อ ก่อนล่อให้ลงทุนแล้วเชือดทิ้งแบบไม่เหลือเยื่อใย โดยเงินฝากจากกลลวงลักษณะนี้พุ่งสูงขึ้นถึง 210%
แม้จำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อจะเพิ่มขึ้น แต่เงินที่เสียต่อคนกลับลดลง 55% แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนกลยุทธ์ของมิจฉาชีพ ที่หันไปล่ากลุ่มเป้าหมายวงกว้างแทนเจาะรายใหญ่
NASAA หรือสมาคมผู้ดูแลหลักทรัพย์ของอเมริกาเหนือระบุว่า แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, X, Telegram และ WhatsApp กำลังกลายเป็นสนามล่าเหยื่อของนักหลอกลวง พร้อมเตือนว่า “เกือบ 40% ของหน่วยงานคาดว่า AI จะเป็นหัวหอกหลักของการฉ้อโกงในอนาคต”
"Deepfake จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป เพราะขณะนี้มันคืออาวุธทรงพลังในสงครามไซเบอร์ที่ทำให้ “ภาพจริง” กลายเป็น “ภาพลวง” และเปลี่ยน “คำพูด” ให้กลายเป็นกับดัก" รายงานระบุ
ความไม่ไว้ใจ คือเกราะป้องกันยุคใหม่
ทั้งนี้ในโลกคริปโตปี 2568 ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีการเงินอีกต่อไป แต่มันคือสนามรบของจิตวิทยา วิศวกรรมสังคม และ AI ที่สามารถปลอมความจริงได้ในพริบตา ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแล และบริษัทคริปโตต้องเร่งปรับตัว พร้อมผลักดันมาตรการ “ตรวจสอบก่อนเชื่อ” ขณะที่ผู้ใช้งานก็ต้องถือคติ “อย่าไว้ใจสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นของจริง” เพราะในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนสิ่งปลอมให้ดูสมจริง ความระแวดระวังอาจเป็นเกราะป้องกันสินทรัพย์ที่
มีค่าที่สุด