xs
xsm
sm
md
lg

SCB FMมองบาทครึ่งปีหลังแข็งค่า-ผันผวน-ชู 5 เรือธงช่วยผู้ประกอบการรับมือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SCB FM มองค่าเงินบาทปีนี้ผันผวนสูง จากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีทรัมป์ 2.0 มองค่าเงินที่กรอบ 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีนี้ พร้อมชู 5 เรือธงผลิตภัณฑ์และบริการหลัก ครอบคลุมการบริหารความเสี่ยง สร้างโอกาสการลงทุน และสร้างความมั่งคั่ง เพื่อสนับสนุนการเติบโตลูกค้าธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างยั่งยืน รองรับความผันผวนของเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เดินหน้านำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)
กล่าวว่า
แนวโน้มเงินบาทในครึ่งปีหลังยังแข็งค่า จากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลักโดยเฉพาะทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงจากปัจจัยหลายๆปัจจัยที่นักลงทุนมีความกังวล ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามการค้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง รวมถึงเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคที่โยกมาจากตลาดสหรัฐฯ รวมถึงราคาทองคำที่ยังสูง เป็นปัจจัยหนุนเงินบาทในครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทเป็นไปในกรอบจำกัดเนื่องจากปัจจัยในประเทศของไทยเอง ทั้งในเรื่องของจีดีพีที่เติบโตได้ต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย รวมถึงความน่าสนใจในการดึงเงินลงทุนของต่างชาติเข้ามายังน้อย ดังนั้น จึงคาดว่าเงินบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นอีกประมาณ 2-3% และประเมินกรอบเงินบาทในระยะสั้นที่ 32.30-33.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ณ สิ้นปีนี้ที่ 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยนับจากสิ้นปีเงินบาทเมื่อเทียบเงินในภูมิภาคแล้ว แข็งค่าขึ้นประมาณ 5% รองจากไต้หวัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องระมัดระวังเป็นเรื่องของความผันผวนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีกรอบการแกว่งตัวถึง 3-5 บาทหรือเท่ากับ 10-15% จากช่วงก่อนหน้าที่จะมีกรอบประมาณ 1-2 บาท และยังมีแนวโน้มความผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นส่วนที่กระทบต่อผู้ประกอบการส่งออก-นำเข้าที่เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านการใช้เครื่องมือทางด้านความเสี่ยง และการบริหารความเสี่ยงด้านอื่นๆ

"ความผันผวนเป็นเรื่องที่ผู้ส่งออก-นำเข้าเป็นห่วงเพราะมีกรอบความผันผวนที่กว้างขึ้น อย่างช่วงเดือนเมษายนวันที่มีการประกาศภาษีตอบโต้ เงินบาทอ่อนค่าไปแตะที่ 35 บาท และกลับไปแข็งค่าที่ 32.40 ในวันที่ประกาศเลื่อนภาษีภายในเดือนเดียว ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงซึ่งมีหลากหลายวิธี ทั้งการซื้อประกันความเสี่ยง หรือการใช้เงินภูมิภาคในการซื้อขายสินค้า เป็นต้น โดยมองกรอบเงินที่เหมาะสมสำหรับผู้ส่งออก-นำเข้าในช่วงนี้ที่ประมาณ 32-33 บาท"

ด้านทิศทางดอกเบี้ยคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งและ 0.25% สู่ระดับ 1.25%ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ

**จัดเต็ม 5 ผลิตภัณฑ์หลัก เสริมศักยภาพลูกค้าธุรกิจ-นักลงทุนรับมือผันผวน*"
นายแพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ Head of Financial Markets Function และ Head of Private Banking Relationship Management ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กลุ่มงานตลาดการเงิน หรือ SCB Financial Markets ทำหน้าที่แนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยบริหารความเสี่ยงให้แก่ลูกค้าธุรกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในธุรกิจอัตราแลกเปลี่ยน หรือ FX และด้วยบริบททางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วดังกล่าว SCB Financial Markets จึงปรับบทบาทให้เข้มข้นขึ้นสู่การเป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทางการเงิน” ให้กับลูกค้าธุรกิจ นักลงทุนสถาบันและลูกค้ารายย่อย ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารความเสี่ยง การลงทุน และการเติบโตในตลาดโลก เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น สร้างโอกาสการลงทุนและสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

ทั้งนี้ ภายใต้บทบาท “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทางการเงิน” ให้กับลูกค้าธุรกิจ นักลงทุนสถาบันและลูกค้ารายย่อย SCB Financial Markets นำเสนอ 5 ผลิตภัณฑ์และบริการหลัก ประกอบด้วย
-ธุรกิจอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และเครื่องมือบริหารความเสี่ยง อาทิ FX Forward และ FX Options ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของลูกค้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงด้านค่าเงินจากการค้าระหว่างประเทศ
-การขยายผลิตภัณฑ์ FX และคู่สกุลเงินใหม่ เพื่อรองรับสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ของประเทศปลายทาง สำหรับลูกค้าที่กำลังขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่
-ช่องทางดิจิทัล อาทิ FX Online และ FX API ที่สามารถเชื่อมต่อธุรกรรม FX เข้ากับระบบ Treasury ของลูกค้าได้โดยตรง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศ และ การซื้อขายพันธบัตรในตลาดรอง (Secondary Bond) ผ่านแอป SCB Easy เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับลูกค้ารายย่อย
-ผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ Structured Notes ที่ออกแบบโดยอิงกับหลากหลายสินทรัพย์ อาทิ ค่าเงิน หุ้น และอัตราดอกเบี้ย เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันของลูกค้า
-บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-FCD) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสภาพคล่องและต้นทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

“การบริหารความเสี่ยงด้วย FX อาจจะไม่เพียงพอในการเติมเต็มโอกาสให้แก่ ลูกค้าธุรกิจ นักลงทุนสถาบันและลูกค้ารายย่อย SCB Financial Markets จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นการสร้างผลตอบแทนที่ยอมรับได้ เพื่อบริหารสภาพคล่องให้กับธุรกิจ ผสานกับศักยภาพทางเทคโนโลยีดิจิทัลภายใต้กลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ซึ่งทั้ง 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการ และเรามีแผนเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน (Currency Futures) ผ่านตลาด Thailand Futures Exchange (TFEX) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงให้กับลูกค้ารายย่อย รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่ทันสมัย ปลอดภัย และครอบคลุมในทุกมิติของโลกการเงินยุคใหม่” นายแพท ทริก กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น