xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.65-จับตาแนวโน้มการเจรจาการค้าระสหรัฐฯ-จีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(10มิ.ย.68)ที่ระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.75 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.61-32.74 บาทต่อดอลลาร์) หลังบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป ส่งผลให้โดยรวม เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในลักษณะ Sideways ทั้งนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) มีจังหวะรีบาวด์สูงขึ้น จากโซนแนวรับแถว 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่า การปรับตัวขึ้นต่อของราคาทองคำก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกจะทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง และต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงาน อัตราการว่างงาน และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า BOE มีโอกาสราว 65% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ในปีนี้

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Small Business Optimism) เดือนพฤษภาคม ซึ่งจะช่วยสะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และที่น่าสนใจ คือ ภาคธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ถือว่า เป็นภาคธุรกิจที่มีการจ้างงานในสัดส่วนที่สูง ทำให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดเล็ก อาจช่วยสะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้เช่นกัน

และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงนี้ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ รวมถึงรอติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในช่วงระหว่างวัน ควรจับตาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งยังคงเป็น Two-Way risk สำหรับเงินบาท (เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นบ้าง หากราคาทองคำทยอยรีบาวด์สูงขึ้น กลับกัน หากราคาทองคำปรับตัวลงต่อ ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง) โดยเรามองว่า หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก ทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินทยอยกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ก็อาจกดดันให้ ราคาทองคำเสี่ยงย่อตัวลงเพิ่มเติมได้ ซึ่งภาพดังกล่าวจะช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท แม้ว่า เงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงบ้าง หรือบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียอาจทยอยแข็งค่าขึ้น ตอบรับความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยบรรดานักลงทุนต่างชาติ รวมถึงอาจมีโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง น้ำมัน หลังในช่วงนี้ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทยอยสูงขึ้น และอาจปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ไม่ยาก หากตลาดมีความหวังต่อแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน (และคู่ค้าอื่นๆ) ส่งผลให้ดีต่อแนวโน้มความต้องการใช้พลังงาน จากภาพเศรษฐกิจโลกและบรรดาเศรษฐกิจหลักที่อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ตลาดเคยกังวล หากสถานการณ์การค้าโลกทยอยดีขึ้น

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ เพราะหากข้อมูลดังกล่าว ยังคงสะท้อนภาพตลาดแรงงานอังกฤษที่สดใส ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ BOE หนุนให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) มีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ซึ่งอาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น