xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.72-โมเมนตัมอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.45-33.00 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.85 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้(9มิ.ย.68)ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในกรอบ 32.58-32.80 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ออกมาที่ระดับ 139,000 ตำแหน่ง ดีกว่าที่ตลาดคาด และดีกว่ายอดการจ้างงานภาคเอกชน

โดย ADP ที่ออกมาช่วงต้นสัปดาห์ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ย่อตัวลง ทว่า ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากแรงซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาด ส่วนเงินดอลลาร์ก็ย่อตัวลงบ้าง ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย วันจันทร์นี้ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาผสมผสาน ทั้งนี้ ยอดการจ้างงานล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดคงเชื่อว่า เฟดจะไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย (โอกาส 80% ในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ปีนี้)

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ อีกทั้ง ควรรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นมีกำลังมากขึ้น หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น พร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุด ออกมาดีกว่าคาด (แต่ในรายละเอียดเชิงลึก อาจยังสะท้อนภาพการชะลอตัวและความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ) ทว่า เงินบาทก็อาจอ่อนค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจกล่าวได้ว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวแบบ Sideways Up จนกว่า ผู้เล่นในตลาดจะมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ (เช่น ปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ จากล่าสุด 80%) ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด เพิ่มเติม หรือความชัดเจนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายการค้า โดยเงินบาท (USDTHB) จะยังมีโซนแนวต้านแถว 32.95-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับจะอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ เราขอย้ำมุมมองเดิมว่า ควรจับตา ทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาทองคำยังเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way Risk ที่อาจทำให้เงินบาทแข็งค่า หรือ อ่อนค่า กว่าที่ประเมินไว้ ตามทิศทางราคาทองคำ อนึ่งเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากแรงขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้บ้าง และเมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว Sideways จนกว่าผู้เล่นในตลาดจะกลับมาเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชัดเจน พร้อมปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น