ซีอีโอคอยน์เบสเตือนหนี้สาธารณะของอเมริกาที่พุ่งทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นปัญหาเร่งด่วนที่น่ากังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเงินในระยะยาวของประเทศ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข บิตคอยน์อาจผงาดมาแทนที่ดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก มัสก์ขานรับ ดับเครื่องชนร่างงบประมาณใหม่ทรัมป์ ชี้คองเกรสส์กำลังทำให้อเมริกาล้มละลาย
ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอคอยน์เบส แพลตฟอร์มเทรดคริปโตแถวหน้าของอเมริกา โพสต์บนเอ็กซ์เมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.) ว่า ถึงแม้ตนจะชื่นชอบบิตคอยน์ แต่อเมริกาที่เข้มแข็งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโลก เขายังเร่งเร้าเหล่าสมาชิกรัฐสภาให้แก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะโดยด่วน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วบิตคอยน์อาจแย่งชิงตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกไปจากดอลลาร์
อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลาและสเปซเอ็กซ์ที่วันนี้พลิกบทมางัดข้อกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเปิดเผย รีโพสต์คำเตือนของอาร์มสตรอง และโจมตีว่า “คองเกรสส์กำลังทำให้อเมริกาล้มละลาย”
มัสก์วิจารณ์ร่างงบประมาณและภาษีขนาดใหญ่ของทรัมป์ที่เรียกว่า “One Big Beautiful Bill” ว่าเป็นการสูญเปล่าและจะทำให้รัฐบาลขาดดุลเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับหนี้ที่ไม่ยั่งยืน และย้ำว่า การใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาลอาจทำให้บิตคอยน์ขึ้นมาแทนที่ดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก
การแสดงความคิดเห็นเหล่านี้มีขึ้นขณะที่สมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวที่ครอบคลุมการขยายมาตรการลดภาษี เพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหาร และตัดงบโครงการต่างๆ เช่น เมดิเคด ความช่วยเหลือด้านอาหาร และพลังงานสะอาด ขณะที่หนี้สาธารณะของอเมริกาพุ่งทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า One Big Beautiful Bill จะทำให้แนวโน้มหนี้สาธารณะของอเมริกาเลวร้ายลง
เมื่อเร็วๆ นี้ นักเศรษฐศาสตร์ระดับรางวัลโนเบล 6 คน ที่รวมถึงพอล ครุกแมน และโจเซฟ สติกลิตซ์ เตือนผ่านจดหมายเปิดผนึกว่า ร่างกฎหมายของทรัมป์อาจทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 ล้านล้านดอลลาร์ หากบทบัญญัติในร่างกฎหมายนี้มีผลถาวร
ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน ธนาคารใหญ่ที่สุดของอเมริกา เตือนในที่ประชุมเรแกน เนชันแนล อิโคโนมิก ฟอรัมว่า ภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดของอเมริกาไม่ได้มาจากภายนอก
เขาชี้ว่า การบริหารงานผิดพลาดภายในของอเมริกามีระดับที่เกินธรรมดา ซึ่งหมายถึงการดำเนินการขั้นตอนทางการเงินผิดพลาดในหน่วยงานรัฐบาลทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวในการวางแผนงบประมาณและระบบบำนาญ ซึ่งจะส่งผลต่อทุกสิ่งตั้งแต่การครอบงำทางการทหารจนถึงความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ โดยสิ่งที่เขากังวลมากคือ สถานะสกุลเงินสำรองของโลกของดอลลาร์
ไดมอนย้ำว่า อเมริกามีหนี้เพิ่ม 10 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาแค่ 5 ปี ทำให้หนี้สาธารณะมีสัดส่วนถึง 100% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และยอดขาดดุลในช่วงที่บ้านเมืองสงบสุขอยู่ที่เกือบ 7%
เขายังตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายกีดกันการค้าต้องไม่ทำให้อเมริกาถูกตัดขาดจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก และกลายเป็น “อเมริกาที่โดดเดี่ยว” และถึงแม้เห็นด้วยกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนาน ที่เชื่อมั่นในความยืดหยุ่นในการรับมือปัญหาของประเทศ แต่ไดมอนย้ำว่า ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว และถึงเวลาที่อเมริกาจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน
ขณะเดียวกัน หนี้สาธารณะที่เบ่งบานเพิ่มแรงดึงดูดให้กับบิตคอยน์ที่พัฒนาขึ้นมาภายหลังวิกฤตการเงินปี 2008 เพื่อให้เป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อที่มีซัปพลายตายตัว และขณะนี้นักวิเคราะห์บางคนฟันธงว่า บิตคอยน์กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
นอกจากนั้นสมาชิกคองเกรสส์ยังกำลังผลักดันไอเดียใหม่ในการฟื้นเสถียรภาพการเงินของประเทศ ซึ่งบิตคอยน์จะรับบทบาทสำคัญ
ปีที่แล้ว วุฒิสมาชิกซินเธีย ลัมมิส เสนอร่างกฎหมายจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ โดยกำหนดบทบาทให้คริปโตสกุลนี้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไร้เสถียรภาพทางการเงิน
ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งได้รับการสนับสนุนมากขึ้น หลังจากทรัมป์คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 นั้น กำหนดให้กระทรวงการคลังค่อยๆ สะสมบิตคอยน์ 1 ล้านบีทีซี หรือประมาณ 5% ของซัปพลายบิตคอยน์ทั้งหมด โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ของกระทรวงเป็นทุนในการซื้อ
ลัมมิสระบุว่า ทุนสำรองบิตคอยน์จะช่วยชดเชยมูลค่าดอลลาร์ที่ลดลง และปกป้องครัวเรือนอเมริกันจากผลกระทบระยะยาวของเงินเฟ้อ พร้อมเรียกร้องให้อเมริกาดำเนินการขั้นตอนที่กล้าหาญเพื่อปกป้องอนาคตของเศรษฐกิจ และยกบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สมัยใหม่ที่สามารถรักษาคุณค่า
ทางด้านทรัมป์เคยให้สัญญาก่อนหน้านี้ว่า จะทำให้อเมริกาเป็น “เมืองหลวงคริปโตของโลก” ขณะที่บิตคอยน์ผงาดขึ้นมาเป็นว่าที่เสาหลักของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งชาติ