บล.เอเซียพลัส เปิดไฮไลท์สำคัญทางการเมืองในเดือนมิ.ย. นี้ รวมทั้งผลกระทบสงครามการค้า จากภาษีทรัมป์ 2.0 หากไร้ความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐฯ จะกระทบ GDP ไทย เสี่ยงกระทบตลาดหุ้น พร้อมเปิดโผ 10 กลุ่มธุรกิจไทยรับผลกระทบมากน้อยแค่ไหนจากปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด หรือ ASPS เปิดเผยในบทวิเคราะห์รายวันว่า หลังจาก กกร. หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปี 68 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่าจะเติบโตได้เพียง 1.5-2.0% ตามการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับการประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ในช่วง +1.0 - 2.1% (มีค่าเฉลี่ย +1.5%) และยังสอดคล้องกับทาง Bloomberg ที่คาดว่า GDP ไทยจะทยอยลดลงเรื่อยๆ
ทั้งนี้ Highlight ที่ต้องติดตาม คือ ไตรมาส 3–4 ที่มีความเสี่ยงจากผลกระทบ Trade Tariff 2.0 หากไทยไม่มีความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่ง Bloomberg คาดการณ์ผลกระทบของ Tariffs ต่อ GDP ไทยปีนี้ราว -0.6%
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเมืองที่ต้องติดตามในเดือนนี้
- วันที่ 4–10 มิ.ย. มีการเจรจาปรับ ครม.
- วันที่ 12 มิ.ย. ประชุมแพทยสภาต่อคดีชั้น 14 ของคุณทักษิณ ชินวัตร
- วันที่ 13 มิ.ย. ศาลฎีกานัดไต่สวนคุณทักษิณและผู้เกี่ยวข้องกรณีชั้น 14
- วันที่ 14 มิ.ย. ประชุมไทย-กัมพูชา เจรจาแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน
- วันที่ 15 มิ.ย. วันหมดอายุความ คดีฟอกเงินสหกรณ์ฯ คลองจั่น
โดยรวม 2 ประเด็นข้างต้น คาดกดดันให้ flow ต่างชาติยังไม่ไหลเข้า SET INDEX ในช่วงนี้ และทำให้ดัชนีแกว่งผันผวนในกรอบแคบต่อไปอีกระยะ
ประเมินกลุ่มธุรกิจ เสี่ยงแค่ไหน จากปัญหาไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ ยังได้ประเมินความเสี่ยงไทย-กัมพูชา ส่งผลต่อบริษัทจดทะเบียนรายอุตสาหกรรมอย่างไร? ออกเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมดังนี้
- กลุ่มเครื่องดื่ม: CBG: คาดได้รับผลกระทบเชิงลบ เนื่องจากมียอดขายเครื่องดื่มชูกำลังจากกัมพูชาราว 37% ของยอดขายชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมด อีกทั้งยังมีแผนตั้งโรงงานในกัมพูชาแบบ JV เริ่มผลิตต้นปี 69
OSP: คาดได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากยอดขายในกัมพูชาเพียง 1–2%
- กลุ่มโรงพยาบาล: ไม่กระทบมาก คนไข้กัมพูชาในไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงาน หรือมีฐานะดี รพ.ชายแดนเช่น BCH อาจได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการชะลอของลูกค้า
BDMS: มี 2 แห่งในกัมพูชา แต่สัดส่วนรายได้คิดเป็นเพียง 1%
- กลุ่มโรงไฟฟ้า: ส่วนใหญ่ไม่มีการลงทุนในกัมพูชา ยกเว้น BGRIM ที่มีโรงไฟฟ้าโซลาร์ 39 MW คิดเป็น 1% ของกำลังผลิต
- กลุ่มพลังงาน: OR: มีสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชา 186 แห่ง, คาเฟ่อเมซอน 254 ร้าน, ร้านสะดวกซื้อ 71 แห่ง คิดเป็น EBITDA จากเวียดนามราว 1.2 พันล้านบาท หรือ 7% ของ EBITDA รวมของ OR (ยังไม่กระทบชัดเจน)
- กลุ่ม ICT: ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะให้บริการหลักในไทย
- กลุ่มค้าปลีก: CPALL: มี 7-Eleven ทั้งหมด 15,367 สาขา โดยอยู่ในกัมพูชา 112 สาขา
CPAXT: มีสาขาในกัมพูชาเพียง 3 แห่ง จาก 175 แห่ง
BJC: มี BigC ทั้งหมด 2,030 สาขา โดยในกัมพูชา 25 สาขา (รวมแล้วสัดส่วนสาขาในกัมพูชาน้อยมาก)
- กลุ่มมีเดีย: MAJOR: มีโรงหนังในกัมพูชา 6 แห่ง รวม 33 จอ คิดเป็น 3.8% ของจอทั้งหมด
- กลุ่มวัสดุก่อสร้าง: SCCC: มี JV กับ CHIPMONG INSEE CEMENT 40% ได้กำไรปีละ 200–250 ล้านบาท (~5–8% ของกำไรรวม)
SCC: รายได้จากกัมพูชาประมาณ 5–7%
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์: ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่มีโครงการใกล้ชายแดน หรือในกัมพูชา
- กลุ่มเกษตรอาหาร: CPF: มีฐานการผลิตในกัมพูชาเพื่อขายภายในประเทศ สัดส่วนรายได้ 3–4% ไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญ
TU, ITC, GFPT: ไม่มีการลงทุนในกัมพูชา