รัฐสภาเกาหลีใต้เตรียมผ่านร่างกฎหมายใหม่ว่าด้วย “โทเคนซิกคิวริตี” หรือหลักทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลังกฎหมายฉบับนี้เปิดทางให้บริษัทเอกชนออกโทเคนจากอสังหาฯ วัตถุดิบ งานศิลป์ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ได้อย่างถูกกฎหมาย ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศที่กำลังแข่งกับฮ่องกงและสิงคโปร์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเงินดิจิทัลในเอเชีย โดยแรงสนับสนุนจากทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทำให้ร่างกฎหมายมีโอกาสผ่านฉลุยในสมัยประชุมนี้ วงการการเงิน เตรียมปะทะคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลแบบจับต้องได้
หลังจากเว้นวรรคมาหลายปีเพราะปัญหาทางการเมืองและความไม่แน่นอนด้านนโยบายดิจิทัล สภาแห่งชาติเกาหลีใต้ก็เตรียมเดินหน้าอนุมัติร่างกฎหมายว่าด้วย “โทเคนซิกคิวริตี” (Tokenized Securities) ที่จะเปิดประตูให้บริษัทในประเทศสามารถออกหลักทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง เช่น อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ งานศิลปะ หรือทรัพย์สินทางปัญญา
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งใหญ่เดือนเมษายนที่พรรค Democratic Party (DP) กลับมาครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอีกครั้ง พร้อมกับแรงผลักดันจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ที่ประกาศชัดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลและบล็อกเชนคือวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะการยกระดับตลาดทุนให้สามารถแข่งขันกับศูนย์กลางการเงินดิจิทัลระดับโลกอย่างฮ่องกงและสิงคโปร์
จากตลาดหลักทรัพย์ สู่โลกแห่งโทเคน
ร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้บริษัทสามารถออกโทเคนที่มีมูลค่าผูกกับสินทรัพย์จริงได้อย่างถูกกฎหมาย และสามารถซื้อขายผ่านระบบของ Korea Exchange (KRX) ได้โดยตรง ถือเป็นการยกระดับจากตลาดหลักทรัพย์แบบเดิมสู่ระบบทุนแบบกระจายศูนย์ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
ขณะที่ในแง่ของธุรกิจ รัฐบาลเกาหลีใต้มองว่า “โทเคนซิกคิวริตี” คือทางออกสำหรับการระดมทุนแบบใหม่ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ วัตถุดิบการผลิต และอุตสาหกรรมครีเอทีฟที่ต้องการทางเลือกที่ยืดหยุ่นในการแปรมูลค่าสินทรัพย์ให้กลายเป็นเงินทุน
ขั้วการเมืองจับมือหนุนร่วม
ที่น่าสนใจคือ ร่างกฎหมายนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้งสองฟากการเมือง ทั้งพรรครัฐบาล (DP) และฝ่ายค้าน (PPP) ต่างเห็นพ้องว่าการปลดล็อกการใช้เทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความมั่นคง จะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ สร้างความโปร่งใส และลดต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ
สมาชิกสภาผู้แทนฯ จากพรรค PPP กล่าวอย่างชัดเจนว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ”
เอกชนตั้งท่า พร้อมลุย STO เต็มรูปแบบ
หลายบริษัทด้านการเงินและเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ บริษัทโทรคมนาคม และผู้ให้บริการคริปโต เคลื่อนไหวเชิงรุกมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในแพลตฟอร์มบล็อกเชน หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Know-Your-Customer (KYC) และ Anti-Money Laundering (AML) ขณะที่บริษัทอย่าง SK Securities, Shinhan Bank และ KB Financial Group ต่างประกาศพร้อมเปิดตัว STO (Security Token Offering) ทันทีที่กฎหมายผ่าน
แรงกดดันจากเพื่อนบ้านผลักให้ต้องเร่งพัฒนา
การเร่งผลักดันกฎหมายครั้งนี้ ยังถูกผลักโดยปัจจัยภายนอกอย่างการแข่งขันจากฮ่องกงและสิงคโปร์ ที่กำลังออกกฎหมายรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลและเปิดรับนักลงทุนต่างชาติเข้าตลาดทุนดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็กำลังนำร่องด้วยกฎหมาย MiCA ที่วางกรอบกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบเบ็ดเสร็จ ส่วนสหรัฐฯ เองก็กำลังผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับ ETF คริปโตและ stablecoin เต็มที่ ด้วยแรงกดดันเหล่านี้ รัฐบาลเกาหลีใต้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเร่งเครื่องพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และการเงินเพื่อรองรับการแข่งขันระหว่างประเทศ
จุดเปลี่ยนเกมการเงินระดับชาติ
ทั้งนี้หากร่างกฎหมาย “โทเคนซิกคิวริตี” ผ่านสภาอย่างที่คาดการณ์ไว้ภายในปีนี้ เกาหลีใต้จะกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีกฎหมายรองรับการแปลงสินทรัพย์จริงเป็นโทเคนที่ถูกต้องตามกฎหมาย
โดยจุดเด่นของ โทเคนซิกคิวริตี ได้แก่
1.ตลาดทุนดิจิทัลจะสามารถดึงดูดผู้ลงทุนสถาบันและรายย่อยได้มากขึ้น
2.นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ใหม่ ๆ ได้อย่างโปร่งใส ปลอดภัย และตรวจสอบได้
3.เกาหลีใต้จะมีแต้มต่อในการแข่งขันเพื่อเป็นศูนย์กลางการเงินดิจิทัลของเอเชีย