ข้อมูลล่าสุดจาก Alphractal ชี้ “แรงกดดันขาย” (Sell Pressure) จากกลุ่มนักขุดบิทคอยน์ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นว่าราคาบิทคอยน์ยังมีโอกาสพุ่งสูงในระยะถัดไป ขณะที่เหรียญ BTC ไหลออกจากกระเป๋านักขุดน้อยลงชัดเจน ส่งผลต่อภาพรวมตลาดในแง่บวก สร้างแรงหนุนทางจิตวิทยาให้แก่นักลงทุนในวงกว้าง แม้ยังต้องระวังแรงเหวี่ยงระยะสั้นจากพฤติกรรมของนักเทรดรายใหญ่ก็ตาม
แรงขายจากนักขุดหดตัว สะท้อนมุมมองขาขึ้นของตลาด
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ Alphractal เปิดเผยว่าตัวชี้วัด “แรงกดดันขายจากนักขุด” (Miner Sell Pressure) ซึ่งวัดจากสัดส่วนเหรียญ BTC ที่นักขุดโอนออกจากกระเป๋าเทียบกับเหรียญที่ยังเก็บไว้อยู่ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ไม่อาจมองข้าม
สถานการณ์ดังกล่าวบ่งบอกว่านักขุดไม่ได้เร่งรีบเทขายเหรียญเพื่อทำกำไรในทันที ทั้งที่ราคาบิทคอยน์ยืนอยู่บริเวณระดับสูงกว่า 65,000 ดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง จุดนี้สะท้อนถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของนักขุดต่อแนวโน้มราคาของเหรียญในระยะกลางถึงยาว
นักขุดยืนข้างตลาด ไม่เร่งขายเหมือนอดีต
จากประวัติศาสตร์ในช่วงขาลงของตลาดก่อนหน้า พบว่ากลุ่มนักขุดมักเทขายเหรียญจำนวนมากเมื่อตลาดมีความผันผวน เพื่อรักษาสภาพคล่องของตัวเอง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันกลับแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะนักขุดเลือก “ถือเหรียญ” ไว้มากกว่าที่จะเร่งระบาย
เหตุผลหนึ่งคือโครงสร้างของอุตสาหกรรมการขุดที่เปลี่ยนไปจากอดีตที่ผู้เล่นรายย่อยครองตลาด สู่ยุคที่บริษัทขุดรายใหญ่ซึ่งมีฐานทุนมั่นคงเข้ามาเป็นผู้เล่นหลัก ทำให้พวกเขามีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและถือครองเหรียญระยะยาวได้ดีกว่าเดิม
ผลกระทบต่อตลาดพลิกความมั่นใจ กระตุ้นแนวโน้มขาขึ้น
แรงขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากฝั่งนักขุดส่งผลต่อความสมดุลของตลาดคริปโตที่มีต่อบิทคอยน์ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในแง่ของ “อุปทานในตลาด” ที่เริ่มตึงตัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีเหรียญไหลออกสู่ตลาดน้อยลง ย่อมสร้างแรงหนุนให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นหากมีแรงซื้อเพิ่มเข้ามา
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมของนักขุดยังทำหน้าที่เป็น "ตัวชี้วัดทางจิตวิทยา" ที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายอื่นในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้กลยุทธ์ระยะยาว (Long-term holders) ซึ่งมองว่าเมื่อคนที่ผลิตเหรียญยังไม่รีบขาย ย่อมหมายถึงความมั่นใจในศักยภาพของราคาในอนาคต
ปัจจัยต้องจับตา กลยุทธ์ของวาฬและพฤติกรรมเก็งกำไร
แม้สัญญาณจากนักขุดจะชี้ไปในทิศทางบวก แต่ตลาดยังต้องจับตาพฤติกรรมของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (whales) และระดับ Open Interest ในตลาดฟิวเจอร์ส ที่อาจส่งผลต่อการเร่งขึ้นหรือลงของราคาอย่างรวดเร็ว หากเกิด “chain reaction” จากการเทขายหรือล้างพอร์ตในตลาดอนุพันธ์
ยิ่งหากราคาขยับขึ้นเร็วเกินไปโดยไม่มีแรงหนุนจากปริมาณซื้อจริง ก็อาจกระตุ้นแรงขายทำกำไรระยะสั้น และนำไปสู่การปรับฐานที่รุนแรงได้เช่นกัน
นักขุดถือเหรียญ เท่ากับความมั่นใจยังไม่จาง
ทั้งนี้จากพฤติกรรม “ไม่เร่งขาย” ของนักขุดบิทคอยน์ในช่วงนี้จึงถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญว่า ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มระยะยาวของตลาดยังอยู่ในเกณฑ์สูง และอาจเป็นหนึ่งในแรงผลักสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บิทคอยน์เดินหน้าสู่ระดับราคาสูงใหม่ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนรายย่อย การวางกลยุทธ์รับมือความผันผวน ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ต้องมีจุดเข้าจุดออกที่ชัดเจน และไม่หลงไหลไปกับกระแสราคาเพียงอย่างเดียว
คำแนะนำเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน
1.นักลงทุนสายสะสม : (accumulators) อาจเริ่มทยอยเข้าสะสมช่วงราคาพักฐาน
2.กลุ่มเทรดเดอร์ : ควรติดตาม Volume และแรงซื้อจริงมากกว่าการเคลื่อนไหวจากตลาดฟิวเจอร์ส
3. ตั้ง Stop-Loss อย่างมีวินัยในภาวะที่ราคาผันผวนรวดเร็ว
4. ใช้ข้อมูลพฤติกรรมจากกลุ่มผู้ผลิตเหรียญ (นักขุด) เป็นองค์ประกอบประกอบการตัดสินใจลงทุน
"Bottom Line นักขุดไม่ขาย หมายถึงความมั่นใจยังไม่ตาย แต่ตลาดยังต้องการแรงขับเคลื่อนจริงจากฝั่งดีมานด์ ไม่ใช่แค่ความหวังจาก Supply ที่ลดลงเพียงอย่างเดียว" นักวิเคราะห์กล่าวทิ้งท้าย