พลิกเกมการเงินโลก! JPMorganChase ธนาคารยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของสหรัฐฯ เตรียมเปิดประตูรับยุคใหม่ ประกาศพร้อมให้ลูกค้านำกองทุน ETF สินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ได้แล้วในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เริ่มที่ BlackRock's iShares Bitcoin Trust ก่อน เตรียมเดินหน้าลุยตลาดคริปโตฯ เต็มตัว แม้ CEO เจมี่ ไดมอน จะเคยออกตัวแรง “ไม่เชื่อ” แต่ก็พร้อมเคารพสิทธิ์ลูกค้า!
รายงานจาก Bloomberg เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการการเงินโลกเมื่อ JPMorgan Chase ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาจากขนาดสินทรัพย์ กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยแผนการเปิดทางให้ลูกค้ากลุ่มเทรดเดอร์และบริหารความมั่งคั่ง สามารถใช้สินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) สกุลเงินดิจิทัล เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินได้แล้ว
แหล่งข่าววงในระบุว่า JPMorgan จะเริ่มออกสตาร์ทด้วย iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock ซึ่งปัจจุบันเป็นกองทุน ETF Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกว่า 70,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อมูลของ Sosovalue.com แผนการนี้จะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และถือเป็นการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่กระแสหลักทางการเงินอย่างเป็นรูปธรรม
ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคารยังเตรียมพิจารณาการถือครองสกุลเงินดิจิทัลของลูกค้าในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (Net Worth) โดยจะปฏิบัติต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ไม่ต่างจากสินทรัพย์ดั้งเดิม เมื่อคำนวณวงเงินที่ลูกค้าสามารถกู้ยืมได้ นี่คือการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า JPMorgan กำลังก้าวข้ามกำแพงความไม่ไว้วางใจในโลกคริปโตฯ อย่างจริงจัง
ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ JPMorgan กระโดดลงสนามคริปโตฯ ในปี 2020 ธนาคารเคยสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว JPM Coin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี 2567 ก็มีรายงานว่าธนาคารถือหุ้นในกองทุน Bitcoin ETF ต่างๆ มาแล้ว
แม้ เจมี่ ไดมอน ซีอีโอคนดังของ JPMorgan จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บริหารที่ออกปากวิพากษ์วิจารณ์บิทคอยน์มาตลอด แต่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขาก็ได้ส่งสัญญาณที่น่าสนใจว่าธนาคารจะอนุญาตให้ลูกค้าสามารถซื้อบิทคอยน์ได้ในไม่ช้า โดยเขายังคงย้ำถึงความไม่เชื่อมั่นส่วนตัวต่อสินทรัพย์ประเภทนี้ ด้วยประโยคเปรียบเทียบสุดเผ็ดร้อนว่า
“ผมไม่คิดว่าคุณควรสูบบุหรี่ แต่ผมปกป้องสิทธิ์ในการสูบบุหรี่ของคุณ ผมปกป้องสิทธิ์ในการซื้อบิทคอยน์ของคุณ”
คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนที่น่าสนใจของธนาคาร ที่แม้ผู้บริหารสูงสุดจะมีความเห็นส่วนตัว แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าตามความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
รัฐบาลทรัมป์ จุดพลุหนุนแบงก์ลุยคริปโตฯ
ความเคลื่อนไหวของ JPMorgan เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เอื้ออำนวยจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดต่อธนาคารและธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนเมษายน 2568 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ยกเลิกแนวทางที่เคยจำกัดธนาคารจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลและ Stablecoin ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม สำนักงานผู้ควบคุมบัญชีของสหรัฐฯ (OCC) ก็ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า ธนาคารสามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมได้แล้ว
นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกันนั้น The Wall Street Journal ยังรายงานอีกว่า ธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเตรียมเปิดตัว Stablecoin ของตนเองอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลทรัมป์ยังแสดงจุดยืนที่ชัดเจนด้วยการประกาศจัดตั้งหน่วยสำรอง บิทคอยน์ และคลังสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงสนับสนุนการผ่านร่างกฎหมาย Stablecoin ในวุฒิสภา นี่คือสัญญาณที่บอกว่า สหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทในระบบการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ และ JPMorgan กำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้.