xs
xsm
sm
md
lg

CGSI ประเมิน IVL-PTTGC-SCC หลังสหรัฐฯ ห้ามส่งออกอีเทนไปจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



CGSI ลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มปิโตรเคมีไทย หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทในสหรัฐฯ ส่งออกอีเทนไปจีนโดยไม่มีใบอนุญาติ คาดอาจทำเอทิลีน - PE ล้นตลาด ฉุดราคาหุ้น พร้อมประเมิน 3 หุ้นปิโตรฯ IVL - PTTGC และ SCC รับผลกระทบแค่ไหน

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในกลุ่มปิโตรเคมีของไทย หลังจากวันที่ 29 พ.ค.68 ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (DOC) สั่งห้ามบริษัทในสหรัฐฯส่งออกสินค้าไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตที่เคยออกให้กับ supplier บางราย โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบได้แก่ซอฟต์แวร์ออกแบบและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, อีเทนและบิวเทน

โดยประเมินว่า อุปทานเอทิลีนและ PE น่าจะยังล้นตลาดในปี 68-71 โดยปัจจัยลบที่จะฉุดราคาหุ้น คือความต้องการพลาสติกที่ต่ำกว่าคาด ส่วน upside risk จะมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำกว่าคาด และราคาสินค้าที่สูงกว่าคาด

ทั้งนี้หุ้นรายตัว ที่จะได้รับผลกระทบ คือ IVL (HOLD, TP THB20.50, THB20.80 close) : Ethane cracker ในสหรัฐของ IVL อาจมีต้นทุนวัตถุดิบอีเทนลดลงตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2025 เป็นต้นไปจนกว่าสหรัฐจะกลับมาส่งออกอีเทน

PTTGC (REDUCE, TP THB17.00, THB20.60 close ) : PTTGC อาจสามารถเพิ่มอัตราการผลิตของโรงงานโอเลฟินส์หลังจากที่ลดลงมาตั้งแต่ปี 2024 จากอุปสงค์ที่อ่อนตัวในเอเชีย อย่างไรก็ตาม สเปรดเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์น่าจะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนตัว

และ SCC (REDUCE, TP THB115.0, THB173.0 close) : เราเชื่อว่า Naphtha cracker สองแห่งของ SCC ในไทยอาจเพิ่มการผลิตโอเลฟินส์ในเดือนมิ.ย. 2025 แต่โครงการ Long Son Petrochemical (LSP) ในเวียดนามอาจยังไม่กลับมาเปิดดำเนินงานด้วยกระแสเงินสดเป็นบวกเนื่องจาก LPG (ก๊าซธรรมชาติเหลว) มีต้นทุนสูง

ทั้งนี้วันที่ 29 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา Enterprise Products Partner (EPD.US) ได้ยื่นแบบฟอร์ม 8-K ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ว่า บริษัทยังไม่ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นตามที่สำนักอุตสาหกรรมและความปลอดภัย (BIS) กำหนดไว้ จึงอาจกระทบต่อการส่งออกอีเทนและบิวเทนในอนาคต ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าอีเทน 125% ในสิ้นเดือนเม.ย.68 จึงมีวัตถุดิบอีเทนไหลกลับเข้าประเทศช่วงเดือนพ.ค.68 ทำให้ Ethane cracker ของจีนยังสามารถเปิดดำเนินงาน

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า Ethane cracker ของจีนใช้วัตถุดิบอีเทนจากสหรัฐฯเพียงแหล่งเดียว จึงคาดว่าการที่สหรัฐฯระงับการส่งออกอีเทน จะส่งผลกระทบต่ออัตราการผลิตและอาจต้องหยุดการผลิตชั่วคราวจนกว่าสหรัฐฯจะกลับมาส่งออกอีเทนอีกครั้ง เชื่อว่า mixed feed cracker (1.2mtpa) แห่งใหม่ของจีนอาจไม่สามารถเปิดเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดในไตรมาส 2/68 นี้

สำหรับผลกระทบต่อบริษัทปิโตรเคมของไทยนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ประเมินว่า หากไม่มีวัตถุดิบอีเทนจากสหรัฐฯ อุปทานอีเทนในตลาดจีนจะหายไปประมาณ 4.3mtpa ซึ่งจะทำให้โรงงานผลิต PE (polyethylene) และ MEG (mono ethylene glycol) ของจีนต้องจัดหา ethylene monomer จาก cracker อื่นนอกชายฝั่ง ประกอบด้วย cracker ในเอเชีย (ไม่รวมจีน) ที่ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง เช่น SCC, PTTGC, และ Chandra Asri

อย่างไรก็ตาม มองว่าการหยุดชะงักของอุปทานอีเทนในจีนอาจส่งผลดีแค่ช่วงสั้นๆ เนื่องจากข้อมูลของ Chemical Market Analytic ระบุว่า Naphtha cracker ใหม่สามโครงการในจีน ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 4mtpa จะเปิดดำเนินงานในไตรมาส 2-4/68 เพื่อทดแทนอุปทานที่ขาดไปในประเทศ

ขณะที่ Gas cracker ในสหรัฐฯของ IVL อาจมีต้นทุนอีเทนลดลงในระยะสั้น โดยข้อมูลจาก Energy Information Administration (EIA) แสดงให้เห็นว่าอีเทนส่งออกจากสหรัฐฯประมาณ 46% ในปี 67 ส่งออกไปยังตลาดจีน และหากไม่สามารถหาตลาดอื่นมาทดแทน จะทำให้ราคาก๊าซ Henry Hub และราคาอีเทนลดลง (มีการปล่อยอีเทนในก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น)


กำลังโหลดความคิดเห็น