ชัยชนะของ "อี แจ-มยอง" จุดชนวนความหวังใหม่ในแวดวงคริปโตของเกาหลีใต้ เมื่อผู้นำสายโปรดิจิทัลให้คำมั่นผลักดันนโยบายใหญ่ ตั้งแต่ ETF สกุลเงินดิจิทัล ไปจนถึง Stablecoin สัญชาติกิมจิ หวังหยุดเงินไหลออกกว่า 56 ล้านล้านวอน ขณะที่กฎหมายควบคุมคริปโตระยะที่ 2 กำลังจะคลอดกลางปีนี้ ท่ามกลางการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เคลื่อนไหวแรงกว่าหุ้น
เกาหลีใต้เดินหน้าเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว หลัง "อี แจ-มยอง" จากพรรคประชาธิปไตย คว้าชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 49.42% ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังจากผู้เล่นคริปโตในประเทศกว่า 18 ล้านคน
ตามการวิเคราะห์ของ Bloomberg ระบุว่า ตลาดคริปโตเกาหลีใต้ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มีขนาดใหญ่และเคลื่อนไหวรุนแรงถึงขั้นที่บางช่วงเวลามูลค่าการซื้อขายบนแพลตฟอร์มคริปโตสูงกว่าดัชนีหุ้น Kospi และ Kosdaq เสียอีก
อย่างไรก็ดีแม้ผู้สมัครทั้งสองจากพรรคใหญ่จะมีจุดยืนสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนกัน แต่ “อี แจ-มยอง” โดดเด่นด้วยนโยบายเชิงรุกที่ปูพรมมาแต่ช่วงหาเสียง ทั้งการอนุมัติ ETF สกุลเงินดิจิทัล ลดค่าธรรมเนียมธุรกรรม และการผลักดันกรอบกำกับดูแลที่แข็งแรงแต่เป็นมิตร
ประกาศลั่นสร้าง “สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน”
ในการปราศรัยที่จังหวัดชุงชองเหนือเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม อีให้คำมั่นว่า จะปูพื้นฐานให้คนรุ่นใหม่สามารถสร้างสินทรัพย์และวางแผนอนาคตได้ ด้วยการทำให้การลงทุนในคริปโตปลอดภัยขึ้น
หนึ่งในหมากสำคัญคือ การจัดตั้งกองทุน ETF ที่เชื่อมโยงกับสินทรัพย์ดิจิทัล และระบบตรวจสอบแบบบูรณาการที่สามารถสอดส่องพฤติกรรมผิดปกติในตลาดได้แบบเรียลไทม์
Stablecoin สัญชาติกิมจิ เป็นอาวุธสำคัญสกัดเงินไหลออก
ในแผนนโยบายยังมีแนวคิดสร้าง Stablecoin ที่มีวอนหนุนหลัง เพื่อใช้เป็นตัวเลือกในประเทศแทนการพึ่งพาเหรียญต่างชาติอย่าง USDT หรือ USDC โดยมุ่งลดการไหลออกของเงินสกุลดิจิทัลที่พุ่งทะลุ 56.8 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 40.8 พันล้านดอลลาร์
กรอบกฎหมายคริปโตเฟส 2 มาแน่กลางปีนี้
ทั้งนี้ อี แจ-มยอง จะไม่รอช้าในการร่างกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลระยะที่ 2 ซึ่งจะถูกเสนอโดยคณะกรรมการบริการทางการเงิน (FSC) ภายในครึ่งหลังของปี 2568 โดย กรอบระยะที่ 1 เริ่มบังคับใช้ไปตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2567
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง “คณะกรรมการสินทรัพย์ดิจิทัล” เพื่อยกระดับนโยบายให้ตรงเป้าหมายและนำโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมผลักดันกฎหมายสำคัญให้เกิดขึ้นจริงในยุครัฐบาลใหม่
เกมเปลี่ยนจริงหรือแค่ขายฝัน?
แม้จะมีนโยบายงัดมาเต็มกระเป๋า แต่คำถามสำคัญคือ อี แจ-มยอง จะสามารถเปลี่ยน “ความตั้งใจ” ให้กลายเป็น “ความจริง” ได้มากน้อยแค่ไหน ในประเทศที่ระบบราชการเข้ม และเสียงจากภาคการเงินดั้งเดิมยังทรงอิทธิพล
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ เกาหลีใต้กำลังขยับเข้าสู่ยุคใหม่ที่ “คริปโต” ไม่ใช่แค่เรื่องของนักลงทุนเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่กลายเป็นหมากเศรษฐกิจระดับชาติที่ใครก็เมินไม่ได้อีกแล้ว