นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.50-33.00 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.75 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้(4มิ.ย.68)ที่ 32.63 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงช่วงวันหยุดทำการสองวันของตลาดการเงินไทย เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 32.50-32.90 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 3,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กลับมาร้อนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี ISM PMI ก็ออกมาแย่กว่าคาด
ทว่า เงินบาทก็ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ที่ออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในแนวโน้มเงินเฟ้อ ซึ่งภาพดังกล่าวก็กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงบ้าง แต่โดยรวมราคาทองคำยังสามารถแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับระยะสั้นใหม่ในช่วง 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัปดาห์ที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ (CIT) และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน ได้กดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อีกทั้ง ควรรอติดตาม การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทเริ่มกลับมามีกำลังมากขึ้น หลังเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นพอสมควร ในช่วงวันหยุดของตลาดการเงินไทย ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็ติดอยู่แถวโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์และการย่อตัวลงของราคาทองคำ เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เพราะ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะสามารถทยอยแข็งค่าขึ้นได้ แต่หากราคาทองคำไม่ได้ย่อตัวลงหนัก โดยราคาทองคำอาจยังพอได้แรงหนุน จากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทวีความร้อนแรงขึ้น หรือความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็อาจจำกัดการอ่อนค่าลงของเงินบาท (เราขอย้ำว่า เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way Volatility ขึ้นกับแนวโน้มราคาทองคำซึ่งเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทในระดับสูง)
อนึ่งเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากแรงขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้บ้าง โดยเฉพาะในกรณีที่ เงินบาทไม่ได้แข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ชัดเจน (อาจเห็นการขายทำกำไรสถานะ Long THB สะท้อนผ่านแรงขายบอนด์ระยะสั้นได้) ในเชิงเทคนิคัลนั้น แนวรับของเงินบาท (USDTHB) อยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.30 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวต้านสำคัญจะอยู่ในช่วง 33.00 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์) และเมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาสดใส ส่วนบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน ก็ควรเห็นความชัดเจนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ