บริษัทยักษ์ใหญ่วอลล์สตรีทเริ่มขยับหมากใหม่ในสมรภูมิเครดิตดิจิทัล ปล่อยกู้ให้ FalconX และ Maple Finance โดยใช้ Bitcoin เป็นหลักประกัน เปิดทางให้บริษัทสถาบันหา "สภาพคล่อง" โดยไม่ต้องเทขายเหรียญ เสริมทัพด้วยโปรเจกต์ 2 พันล้านดอลลาร์ของ Cantor ที่มีมือเก๋า Anchorage Digital และ Copper เป็นแบ็กอัพ ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่ยังร้อนแรงจากบทเรียนล้มละลายปี 2022
ตลาดการเงินคริปโตได้รับแรงสะเทือนอีกระลอกจากการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของบริษัทการเงินระดับโลก เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่บนวอลล์สตรีทได้เริ่มปล่อยสินเชื่อที่ใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันให้กับทั้ง FalconX และ Maple Finance ซึ่งถือเป็นธุรกรรมสินเชื่อแบบสดใหม่ครั้งแรกในภาคสินทรัพย์ดิจิทัลที่มักถูกตีตราว่า ‘ไร้กติกา’ และ ‘ผันผวน’
FalconX ยืนยันว่าพวกเขาได้รับสินเชื่อมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Maple Finance เริ่มดึงวงเงินจากข้อตกลงแยกต่างหาก ทั้งสองดีลนี้เปิดโอกาสให้บริษัทสถาบันสามารถ ใช้ BTC ค้ำประกัน โดยไม่จำเป็นต้องขายออก เท่ากับได้ "สภาพคล่องใหม่" โดยไม่ต้องยอมทิ้งทรัพย์สินที่มีโอกาสเติบโต
ดีลเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของโครงการระดมทุนคริปโตมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้ชื่อ Cantor Fitzgerald ที่ถูกเปิดตัวเมื่อกลางปี 2024 โดยมี Anchorage Digital และ Copper รับหน้าที่ดูแลและให้ความค้ำประกัน ถือเป็นการนำเครื่องมือการเงินดั้งเดิมมาปรับใช้ในสนามของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบ
ท่ามกลางแรงเสียดทานจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก การเติบโตของตลาดสินเชื่อคริปโตยังคงอยู่ในภาวะสลับขึ้น-ลง โดย Galaxy Research รายงานว่ายอดสินเชื่อคงค้างในภาคส่วนนี้อยู่ที่ 36,500 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2024 แม้ว่าจะลดลงจากจุดพีคที่ 64,400 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการฟื้นตัวของแพลตฟอร์มสินเชื่อแบบออนเชนที่มีสถานะการกู้ยืมคงค้างพุ่งทะลุ 19,100 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าจากช่วงปลายปี 2022
บทเรียนจากวิกฤตคริปโตในปี 2022 ที่ลากเอาชื่อใหญ่อย่าง Celsius และ BlockFi ลงเหว ยังตามหลอกหลอนระบบสินเชื่อดิจิทัลที่อ่อนแอเรื่องการบริหารความเสี่ยงและการพึ่งพาโครงสร้างแลกเปลี่ยนอย่าง FTX ที่ล้มละลายแบบไม่ทิ้งซาก
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนว่านักลงทุนสถาบันยังเชื่อมั่นในโครงสร้างทางเลือกที่ Bitcoin สร้างขึ้น
Cantor Fitzgerald ผู้บุกเบิกภารกิจนี้ ไม่ใช่หน้าใหม่ในโลกการเงิน ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1945 มีเครือข่ายในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดย Howard Lutnick ซีอีโอผู้มีจุดยืนสอดรับทุกการลงทุนมอง Bitcoin เป็น “ทองคำดิจิทัล” ล่าสุดยังได้เข้าไปร่วมทีมเปลี่ยนผ่านของ Donald Trump และเข้ามาบริหารบางส่วนของเงินสำรองกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในนามของ Tether หลังถือหุ้นในบริษัทถึง 5%
สัญญาณนี้ไม่ใช่แค่ "การปล่อยกู้" แต่มันคือการยกระดับ Bitcoin ขึ้นแท่นสินทรัพย์สากลที่ ธนาคาร–บริษัทการเงินใหญ่พร้อมเปิดเกมรุก ทั้งในเชิงนโยบาย การจัดการทุน และโครงสร้างตลาด
ขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังถกกันว่า "คริปโตจะไปทางไหน" ดูเหมือนว่าวอลล์สตรีทจะตัดสินใจให้เรียบร้อยแล้วว่า Bitcoin ไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน แต่มันคือเครื่องมือการเงินระดับโลกตัวใหม่ ที่จะไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป