เลิกภาษีทรัมป์..ปลุกหุ้นไม่ขึ้นอยู่ดี / สุนันท์ ศรีจันทรา

ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่ขาดแคลนปัจจัยบวก และกำลังปรับตัวสู่ช่วงขาลงอีกครั้ง ข่าวดีที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น จุดพลุให้ดัชนี ฯ พุ่งทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง นักลงทุนแห่เข้ามาไบ่ซื้อหุ้นกันฝุ่นตลบ

ข่าวดีด่วนล่าสุด ถูกประกาศก่อนเปิดการซื้อขายหุ้น วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐมีคำตัดสินว่า ภาษีการค้าส่วนใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผิดกฎหมาย กระทบหลักสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจ ใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินไม่เหมาะสม เพื่อออกคำสั่งที่กว้างเกินขอบเขตอำนาจ

คำตัดสินของศาลการค้าสหรัฐ ทำให้ภาษีของทรัมป์ถูกระงับทันที แต่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป 30 วัน นับจากศาลมีคำสั่ง ซึ่งทรัมป์เตรียมยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจะต้องรอดูว่า ศาลอุทธรณ์จะมีคำตัดสินอย่างไร

นักลงทุนแสดงปฏิกิริยาตอบรับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐทันที โดยเมื่อเปิดการซื้อขายหุ้น มีแรงซื้อไหลทะลักเข้มาในหุ้นที่ถูกผลกระทบจากภาษีทรัมป์ เช่นหุ้นกลุ่มส่งออก หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอีเลคโทรนิคส์ หรือหุ้นนิคมอุตสาหกรรม

ดัชนี ฯ ดีดตัวขึ้นประมาณ 18 จุด แต่ก็ถูกเทขายจนอ่อนตัวลงมา

ถ้าคำอุทธรณ์ของทรัมป์ฟังไม่ขึ้น โดยศาลมีคำสั่งยืนตามคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ภาษีตอบโต้ของทรัมป์จะถูกพับไป ผลกระทบจากสงครามการค้าจะปิดฉากลง แต่สถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกจะคืนสู่ความสดใสหรือ

ประเทศไทยอาจรอดพ้นจากมรสุมที่กระหน่ำซ้ำเติม แต่ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหุ้นจะฟื้นคืนชีพสู่ความคึกคัก หรือกลับสู่ขาขึ้นรอบใหม่

เพราะก่อนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มอีก 36% บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้สดใสอยู่แล้ว เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะชะลอตัวลง

แม้ไม่มีแรงกดทับจากภาษีทรัมป์ ตลาดหุ้นยังย่ำแย่อยู่ดี ไร้เสน่ห์ในสายตานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเทขายหุ้นติดต่อหลายปี และไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ตามสายตานักลงทุนในประเทศ

ข่าวดีศาลตัดสินระงับการขึ้นภาษีของทรัมป์ อาจปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น

เพราะปัจจัยลบเดิม ๆ ยังดำรงอยู่ต่อไป ไม่ว่าเศรษฐกิจที่เซาเซาหนัก และสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ร้อนระอุ ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน ยังไม่รวมปัจจัยภายนอก ทั้งภาวะสงครามที่ปะทุในหลายจุด และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แม้สงครามการค้าจะสงบลงก็ตาม

ในระยะสั้นสถานการณ์ตลาดหุ้นดูเหมือนดี เพราะภาษีทรัมป์ยังไม่มีผลบังคับใช้ และอาจถูกระงับอย่างถาวร ตามคำสั่งศาลระหว่างประเทศสหรัฐ และการยื่นอุทธรณ์ศาลไม่ทบทวนเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน แต่แนวโน้มครึ่งปีหลัง ก็ยังมองไม่เห็นข่าวดีหรือปัจจัยบวกที่จะกระตุ้นให้หุ้น พลิกตัวกลับสู่ขาขึ้น

โอกาสที่ดัชนี ฯ จะตีกลับ ขึ้นไปยืนในระดับ 1400 จุด ซึ่งเป็นจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2567 ยังมองไม่เห็น

และแม้จะมีข่าวดี คำสั่งศาลระหว่างประเทศสหรัฐที่ให้ระงับการขึ้นภาษีของทรัมป์ แต่รอบนี้ ดัชนี ฯ คงไม่สามารถตีฝ่าทะลุ 1200 จุดขึ้นไปได้