IMF ไฟเขียวเงินกู้ล็อตใหม่ให้เอลซัลวาดอร์ 120 ล้านดอลลาร์ แต่ตั้งเงื่อนไขต้องเลิกข้องเกี่ยวกับบิทคอยน์ ฟากรัฐบาลบูเคเลไม่สะทกสะท้าน สวนกลับด้วยการประกาศซื้อ BTC เพิ่มทันทีหลังดีลประกาศไม่ถึง 24 ชั่วโมง! ปักธงสำรองบิทคอยน์ของประเทศทะลุ 6,000 BTC แล้ว แม้กำไรพุ่งกว่า 386 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ขายออก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศเมื่อ 27 พฤษภาคมว่า ได้บรรลุข้อตกลงจ่ายเงิน 120 ล้านดอลลาร์แก่เอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นงวดหนึ่งในแผนเงินกู้ระยะเวลา 40 เดือน มูลค่ารวม 1.4 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า เอลซัลวาดอร์ต้อง "จำกัดบทบาทของรัฐบาลในบิทคอยน์ลงให้เหลือน้อยที่สุด" พร้อมกันนี้ "ต้องถอนตัวจากกระเป๋าเงิน Chivo" ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
IMF ระบุชัดว่า จะจับตาการถือครองบิทคอยน์ของรัฐบาลอย่างเข้มข้น โดยมีการประกาศในแถลงการณ์ว่า
“จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่า ปริมาณบิทคอยน์ในกระเป๋ารัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลง”
อย่างไรก็ตามความกังวลของ IMF อย่างชัดเจนว่าเอลซัลวาดอร์ยังยึดมั่นในแนวทางบิทคอยน์มากเกินไป โดย IMF เคยเตือนตั้งแต่ต้นปีว่า ประเทศควร "หยุดสะสม BTC และหยุดกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์"
แต่ดูเหมือนคำเตือนนั้นจะไม่มีผลกับประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล เพราะทันทีที่ IMF ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม สำนักงานบิทคอยน์ ของเอลซัลวาดอร์ก็ออกมาประกาศซื้อ BTC เพิ่มทันที
ขณะที่ตามข้อมูลจากบัญชีติดตามอย่างเป็นทางการของรัฐบาลระบุว่าเอลซัลวาดอร์ได้ซื้อบิทคอยน์เพิ่มอีก 30 BTC ภายใน 30 วันที่ผ่านมา ทำให้ยอดสะสมล่าสุดทะลุ 6,190.18 BTC ไปแล้ว
ขณะที่การประกาศซื้อบิทคอยน์ของบูเคเลเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “คลังบิทคอยน์ของประเทศมีกำไรที่ยังไม่ขายมูลค่ากว่า 386 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 132% จากราคาที่ลงทุนไว้”
อย่างไรก็ตามท่าทีของเอลซัลวาดอร์ดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นการ “ตบหน้า” IMF อย่างนุ่มนวล แต่เจ็บลึก เพราะแม้ IMF จะขู่ จะเตือน หรือจะต่อรองอย่างไร เอลซัลวาดอร์ก็ยังเดินหน้าสะสมบิทคอยน์ต่อไป
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางเอลซัลวาดอร์จะดื้อแพ่งในเชิงสัญลักษณ์ แต่ นายโรดริโก วัลเดส ผู้อำนวยการ IMF ฝั่งซีกโลกตะวันตก ก็ยอมรับเมื่อเดือนเมษายนว่า เอลซัลวาดอร์ยังคงปฏิบัติตาม "เกณฑ์ประสิทธิภาพทางเทคนิค" ของ IMF ได้ครบทุกข้อ
ขณะที่ แอนน์ดี้ เหลียน นักเขียนและที่ปรึกษาด้านบล็อกเชนระดับมหภาคมองว่าประเทศอาจ "เลี่ยงบาลี" ได้โดยการโยกการซื้อบิทคอยน์ไปอยู่ในนามของ “หน่วยงานที่ไม่ใช่ภาครัฐ” เช่น Bitcoin Office ซึ่งทำให้สามารถ “เล่นในเงื่อนไข” ได้โดยไม่ผิดข้อตกลง