“TOSTEM”แบรนด์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม เดินเกมรุกสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านแคมเปญ “SHOP & WIN ช้อปสุดคุ้ม ได้ลุ้นสองต่อจับแจกผลิตภัณฑ์ Dyson พร้อมลุ้นโชคใหญ่ บินฟรี Osaka เยี่ยมชม LIXIL Showroom ชมงาน มหกรรม Expo 2025 Osaka, Kansai Japan หวังกระตุ้นยอดขาย พร้อมสร้าง Brand Engagement และ Loyalty Program อย่างยั่งยืน
รายงานข่าวเผยว่า บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมคุณภาพสูงแบรนด์ “TOSTEM” ได้จัดแคมเปญ “SHOP & WIN ช้อปสุดคุ้ม ได้ลุ้นสองต่อจับแจกผลิตภัณฑ์ Dyson พร้อมลุ้นโชคใหญ่ บินฟรี Osaka” เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างความผูกพันกับแบรนด์ และสร้างแรงจูงใจเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม โดยแคมเปญดังกล่าวไม่ใช่เพียงกระตุ้นยอดขาย แต่ยังวางหมากด้านการตลาดเพื่อสร้าง Brand Engagement และ Loyalty Program อย่างยั่งยืน โดยได้มอบรางวัลที่คำนึงถึงความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหามลภาวะฝุ่น PM 2.5 อย่างเครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde BP04 พร้อมด้วยรางวัลใหญ่ พาลูกค้าผู้โชคดีร่วมทริปญี่ปุ่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เยี่ยมชม LIXIL Showroom และร่วมชมงาน มหกรรม Expo 2025 Osaka, Kansai Japan ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ในด้านนวัตกรรมและมาตรฐานระดับโลก สร้าง Loyalty Program “แรงจูงใจที่จับต้องได้” และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ไปพร้อมกัน
สำหรับแคมเปญ “SHOP & WIN ช้อปสุดคุ้ม ได้ลุ้นสองต่อฯ” โดยลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าของ TOSTEM ตามเงื่อนไขที่กำหนดจะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล พร้อมลุ้นโชคใหญ่ ร่วมทริปพิเศษเยือนประเทศญี่ปุ่นกับทอสเท็ม แคมเปญดังกล่าวได้ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าโปรแกรมส่งเสริมการตลาดทั่วไป โดยใช้แนวคิด Experience-Based Reward ที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกค้าตั้งแต่ภายในบ้าน สู่มุมมองระดับโลก ผ่านรางวัลที่มีความหมายทั้งด้านกายภาพและจิตใจ ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde BP04 ที่สะท้อนถึงความห่วงใยของแบรนด์ต่อสุขภาวะภายในบ้านของลูกค้า และทริปญี่ปุ่นสุดพิเศษที่ได้พาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไปสัมผัสต้นแบบของเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนที่ LIXIL Showroom สัมผัสคุณค่าหลักของแบรนด์ TOSTEM ที่เน้น “คุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น” และไปเยี่ยมชมงาน Expo 2025 Osaka ซึ่งเป็นเวทีระดับนานาชาติที่สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างแท้จริง
“ในทริปครั้งนี้ TOSTEM ได้จัดโปรแกรมสุดพิเศษให้กับลูกค้าผู้โชคดี โดยพาเยี่ยมชมโชว์รูมของแบรนด์ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมสัมผัสเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่สะท้อนมาตรฐานญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่าง ที่นำเสนอภูมิปัญญาในการสร้างความกลมกลืน ทุกองค์ประกอบของกรอบบานล้วนแฝงความประณีต ตอบโจทย์ทั้งในด้านดีไซน์อันทันสมัย และฟังก์ชันการใช้งานที่ยอดเยี่ยม”
อีกหนึ่งในไฮไลท์ของทริป คือการเยี่ยมชมงาน Expo 2025 Osaka ที่จัดขึ้นภายใต้ธีม Designing Future Society for Our Lives หรือ ออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตของเรา ซึ่งจะเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต การแก้ปัญหาสังคม และการสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน โดยทาง LIXIL ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพาวิลเลียนนานาชาติในครั้งนี้ด้วย โดยนำเสนอนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างเพื่อความยั่งยืน อาทิ revia วัสดุปูพื้นทางเดิน จาก LIXIL ซึ่งผลิตจากขยะพลาสติกและเศษไม้ ที่ถูกใช้ในพาวิลเลียน EARTH MART เป็นหนึ่งใน Signature Pavilion ของประเทศญี่ปุ่นและเป็นส่วนหนึ่งของ EXPO 2025 ในครั้งนี้ โดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของ LIXIL ในการบดย่อยและขึ้นรูปพลาสติก ผสานกับเศษไม้เหลือทิ้งจากการรื้อถอนอาคารจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ revia ทำให้ผลิตภัณฑ์ revia เป็นวัสดุปูพื้นที่สามารถผลิตจากขยะพลาสติกประเภทต่างๆ ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกใช้ในครัวเรือน พลาสติกเชิงพาณิชย์ แม้กระทั่งพลาสติกผสม หรือแม้แต่พลาสติกที่ลอยในทะเล
ซึ่งประสบการณ์ที่ลูกค้าได้สัมผัสในงาน EXPO ครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงการ “ชม” เทคโนโลยี แต่คือการ “เข้าใจ” พันธกิจของ LIXIL และ TOSTEM ที่ต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างให้เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับความรับผิดชอบต่อโลก อาทิ revia หรือการเปิดตัวนวัตกรรมอะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ในปีที่ผ่านมา ซึ่งผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ที่โรงงานทอสเท็มไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนจุดยืนของแบรนด์ในการออกแบบสินค้าเพื่อตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความสวยงาม และการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม 2050 (Net-Zero 2050) มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net-Zero CO2 emission) และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน