ปารีสระอุ! ตำรวจฝรั่งเศสบุกทลายขบวนการลักพาตัวอำมหิต มุ่งเป้าบุคคลในวงการคริปโต จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 12 ราย รวมถึงเยาวชนหลายคน หลังพบพฤติกรรมสุดเหี้ยม ทั้งตัดนิ้ว ส่งวิดีโอขู่เรียกค่าไถ่หลายล้านยูโร ขณะที่ความเชื่อมโยงชี้ชัดถึงขบวนการอาชญากรใต้ดินเพียงกลุ่มเดียวที่วางแผนโจมตีอย่างเป็นระบบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสบุกเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 12 รายเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรที่ก่อเหตุลักพาตัว เรียกค่าไถ่ และทำร้ายร่างกายบุคคลในวงการสกุลเงินดิจิทัล
การปฏิบัติการครั้งนี้นำโดยกองพลปราบโจรของฝรั่งเศส (BRB) ร่วมกับหน่วยรบพิเศษ เช่น กองพลแทรกแซงปารีส (BRI) ที่กระจายกำลังเข้าตรวจค้นหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงปารีส ซูแรนส์ และลัวร์อัตล็องติก ถือเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการสืบสวนสองคดีลักพาตัวที่สร้างความสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ 1 พฤษภาคม เมื่อชายสี่คนปลอมตัวเป็นพนักงานส่งของ ใช้รถตู้ UPS ปลอมลักพาตัวพ่อของผู้ประกอบการคริปโตหนุ่มในเขตที่ 14 ของปารีส คนร้ายเรียกค่าไถ่ 5–7 ล้านยูโร โดยขู่ผ่านคลิปวิดีโอที่แสดงฉากโหด ตัดนิ้วเหยื่อแล้วส่งภาพให้ลูกชายดูเพื่อกดดัน
โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันในเมืองปาเลโซ (เอซอนน์) พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายราย โดยทั้งหมดเป็นชายหนุ่มที่มีภูมิหลังมาจากหลากหลายพื้นที่ เช่น แอลจีเรีย เรอูนียง อีฟลีน และโอต์-เดอ-แซน คาดว่าถูกคัดเลือกมาทำภารกิจโดยเฉพาะ
เพียงไม่ถึงสองสัปดาห์ถัดมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม เหตุลักพาตัวครั้งใหม่เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ ในเขตที่ 11 ของกรุงปารีส ชายสวมหน้ากากสามคนพยายามฉุดหญิงสาววัย 34 ปี ใกล้โรงเรียนโดยใช้รถตู้ Chronopost แต่แผนต้องล่มเพราะเพื่อนของเหยื่อและพลเมืองดีเข้าขัดขวาง แม้คนร้ายจะสามารถทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้ก็ตาม
ภายหลังพบว่าหญิงคนดังกล่าวคือบุตรสาวของ Pierre Noizat ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต Paymium แม้จะยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของเครือข่ายอาชญากรกลุ่มเดียวกันกับคดีแรก
สิ่งที่เชื่อมโยงทั้งสองเหตุการณ์คือรูปแบบปฏิบัติการแบบเดียวกัน ทั้งการลักพาตัวกลางวัน ใช้รถตู้ลวงตา เล็งเป้าหมายครอบครัวของบุคคลในวงการคริปโต ชี้ถึงการวางแผนอย่างแยบยลและลงมืออย่างมืออาชีพ
การโจมตีต่อบุคคลในวงการคริปโตกลายเป็นแนวโน้มอาชญากรรมใหม่ที่น่ากังวล โดยเฉพาะเมื่อย้อนกลับไปในเดือนมกราคม เดวิด บัลแลนด์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฮาร์ดแวร์คริปโต Ledger ก็เคยตกเป็นเหยื่อ ถูกจับและทำร้ายในเมืองแชร์ โดยผู้สืบสวนพบว่ามีความคล้ายคลึงกันทั้งในแผนและวิธีการ
อย่างไรก็ดีตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า กลุ่มอาชญากรเหล่านี้ไม่ได้ล่ากลุ่มเป้าหมายแบบสุ่ม แต่เลือกเหยื่ออย่างมีระบบ โดยอาศัยข้อมูลจากโซเชียลมีเดียเพื่อล่อลวง คัดเลือก และโจมตีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งดิจิทัล
ขณะที่ทาง Brigade de Répression du Banditisme (BRB) ของฝรั่งเศสจึงเร่งขยายผลการสืบสวน และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในแวดวงคริปโตให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ด้านบริษัท Infinite Risks International ที่ให้บริการรักษาความปลอดภัยในอัมสเตอร์ดัมเปิดเผยว่า ช่วงหลังมานี้มีลูกค้าในวงการคริปโตจำนวนมากว่าจ้างบริการบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะหวาดกลัวต่อการถูกลักพาตัว เรียกค่าไถ่ และข่มขู่ถึงชีวิต
ขณะเดียวกันฝรั่งเศสในเวลานี้ไม่ได้เผชิญแค่ความท้าทายในโลกดิจิทัล แต่กำลังต่อสู้กับเงามืดของอาชญากรรมที่ใช้โลกคริปโตเป็นสนามล่าเหยื่อรายใหม่