ช่วงนี้มีข่าวใหญ่ความผิดเกี่ยวตลาดหุ้นหลายคดี ถูกสั่งปรับนับร้อยล้านบาท ทั้งการสร้างราคาหุ้น และการใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น หรืออินไซเดอร์เทรดดิ้ง ซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ READY โดยสั่งชำระค่าปรับเป็นเงินจำนวนรวม 233 ล้านบาท ฐานร่วมกันสร้างราคาหุ้น ในวันแรกที่หุ้น READY เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น
ล่าสุดวันที่ 26 พฤษภามคม ก.ล.ต. ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ในความผิดซื้อหุ้น บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน)หรือ SVI โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และให้ชำระเงินจำนวน 123,337,594 บาท พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 29 เดือน
ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2565 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า นายพงษ์ศักดิ์ ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50 และดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ SVI ทำหน้าที่กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจและได้เข้าร่วมประชุมที่สำคัญของ SVI โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 SVI มีกำไรสุทธิ 520.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในปีเดียวกัน และงวดเดียวกันของปี 2563 ซึ่งส่งผลด้านบวกต่อราคาหุ้น โดยนายพงษ์ศักดิ์ได้ซื้อหุ้น ก่อนที่ SVI จะเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เวลา 19.09 น. ทำให้นายพงษ์ศักดิ์ได้รับผลประโยชน์จากมูลค่าหุ้น
วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายพงษ์ศักดิ์ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน SVI สัดส่วน 58.84% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นจำนวนหุ้น 1266.36 ล้านหุ้น ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับรองลงมา เป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศหลายแห่ง โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 5,955 ราย
ราคาหุ้น SVI เคลื่อนไหวอยู่แถวประมาณ 7 บาทมายาวนานหลายปี ค่า พี/อี เรโช ล่าสุด 12 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.53% ผลประหกอบการมีกำไรต่อเนื่อง แต่ไตรมาสแรกปีนี้ ผลกำไรชะลอตัวลง โดยมีกำไรสุทธิ 143.36 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 317.85 ล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์อยู่ในฐานะเป็นเจ้าของ SVI เต็มตัว โดยถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 58.81% ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทบทั้งหมดรวมทั้งในตลาด MAI ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่รายบุคคลที่ถือหุ้นเกิน 50% ของทุนจดทะเบียน การใช้ข้อมูลภายในแสวงหาส่วนต่างกำไรจากราคาหุ้น จึงเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนรายอื่นๆทั้งหมด รวมทั้งนักลงทุนรายย่อย และไม่ควรเกิดขึ้น
เพราะนายพงษ์ศักดิ์เป็นบุคคลที่อยู่ในฐานะเศรษฐี คำนวณรายได้จากเงินปันผลล่าสุด ซึ่งจ่ายในอัตรา 24 สตางค์ต่อหุ้น นายพงษ์ศักดิ์ได้เงินปันผลประมาณ 300 ล้านบาท และมากพอเกินกว่าจะหาเศษหาเลยจากการเป็นอินไซเดอร์ จนถูกจับได้ รวมทั้งถูกสังคมรุมประณาม
หุ้น SVI ไม่ได้สร้างความเสียหายให้นักลงทุนทั่วไปเท่าใดนัก เพราะราคาเคลื่อนไหวอย่างราบเรียบมาตลอดหลายปี
แต่การที่เจ้าของเล่นหุ้นโกง ใช้อินไซด์เอาเปรียบชาวบ้าน ทำให้ SVI อยู่ในข่ายหุ้นไร้ธรรมาภิบาล นักลงทุนทั่วไปไม่ควรเข้าไปแตะ