คลังไฟเขียว "G-Token" เข้าสู่สนามทุนดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตั้ง ก.ล.ต. รับบทกำกับดูแลเข้ม เปิดเกมขับเคลื่อนระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายใหม่ ปูทางประชาชนเข้าถึงการออมและลงทุนอย่างทั่วถึง พร้อมจุดขายซื้อขายในตลาดรอง เพิ่มสภาพคล่องแบบไม่ต้องง้อแบงก์
รัฐบาลภายใต้มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เดินเกมเร็ว ไฟเขียวแนวคิด "Government Token" หรือ G-Token ที่กระทรวงการคลังผลักดันให้เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนของประชาชน ผ่านการบริหารหนี้สาธารณะด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มสูบ
โดยร่างประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออก G-Token ได้รับการอนุมัติในหลักการ พร้อมชูภารกิจชัด เปิดประตูการเข้าถึงการออมและการลงทุนให้ประชาชนทุกกลุ่ม ลดการผูกขาดของระบบการเงินแบบเดิม เพิ่มความหลากหลายของผู้ลงทุนให้กระจายกว้างอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สำนักงาน ก.ล.ต. จึงถูกมอบหมายบทบาทผู้กำกับดูแล G-Token ภายใต้กรอบ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ พร้อมย้ำจุดยืน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1.เพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนของประชาชน
2.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อการระดมทุน
3.กระตุ้นการแข่งขันที่เป็นธรรม
4.วางกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างรอบด้าน
โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความเห็นร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเคลื่อนยุทธศาสตร์ดิจิทัลให้สอดคล้องกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ของไทย
จุดเด่นของ G-Token คือการให้สิทธิกับผู้ถือในการได้รับคืนเงินต้นและผลตอบแทนตามที่รัฐกำหนด โดยอ้างอิงจากมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งทำให้ G-Token ถูกจัดให้อยู่ในสถานะ "โทเคนดิจิทัล" ภายใต้กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการ
จุดเปลี่ยนอีกอย่างที่น่าสนใจคือ การเสนอขาย G-Token ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต ก.ล.ต. เหมือนผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ ของคลัง โดยภารกิจหลักของกระทรวงการคลังคือการ เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส และวางระบบให้สามารถ นำ G-Token ไปซื้อขายในตลาดรองได้ เพิ่มความคล่องตัวให้ประชาชนถือครองและปล่อยขายได้ตามสะดวก
เพื่อให้ระบบเดินหน้าได้อย่างไร้รอยรั่ว ก.ล.ต. จะเปิดทางให้ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและหลักทรัพย์ เข้ามามีบทบาทในการให้บริการ G-Token ได้ตามกฎหมาย พร้อมวางแนวปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานสำคัญอย่าง ปปง. และ ธปท. โดยเน้นย้ำว่าห้ามใช้ G-Token เป็น "สื่อกลางในการชำระค่าสินค้า/บริการ (MOP)" อย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าร่วมจะต้องมีระบบป้องกันการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม และต้องยึดหลักการคุ้มครองผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. ทุกประการ เพื่อป้องกันปัญหาตลาดปั่นและการเก็งกำไรเกินควบคุม
“ไม่ว่าการระดมทุนจะเปลี่ยนรูปไปมากแค่ไหน หน้าที่เราชัดเจน ปกป้องนักลงทุนอย่างเต็มกำลังภายใต้กรอบกฎหมาย!” ก.ล.ต. กล่าวทิ้งท้าย
ไขทุกมุม "G-Token" ดิจิทัลพันธบัตรของรัฐ
Q : G-Token คืออะไร?
A : คือโทเคนดิจิทัลที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ออกให้ประชาชนลงทุนได้ โดยให้สิทธิในการได้รับเงินต้นและผลตอบแทน เหมือนพันธบัตร แต่ใช้โครงสร้างบล็อกเชนรองรับ ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
Q : ก.ล.ต. ทำอะไรบ้างกับ G-Token?
A :
1.ขยายช่องทางการลงทุนให้ถึงมือประชาชน
2.ส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการเงิน
3.สนับสนุนการแข่งขันอย่างยุติธรรม
4.วางเกราะคุ้มครองนักลงทุน
5.ควบคุมไม่ให้ใช้ G-Token เป็นสื่อกลางชำระสินค้า/บริการ
Q : G-Token มีประโยชน์อะไรกับตลาดทุนไทย?
A : G-Token จะกลายเป็นฟันเฟืองใหม่ในการพลิกโฉมการระดมทุนของภาครัฐ เพิ่มทางเลือกการลงทุนที่เข้าถึงได้มากขึ้น เชื่อมคนไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง
Q : จุดเด่นของ G-Token สำหรับนักลงทุนทั่วไปคือ?
A :
1.เข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น เพราะลงทุนได้แม้มีเงินไม่มาก
2.ซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรองได้
3.เชื่อถือได้ เพราะผู้ออกคือรัฐบาล
Q : ซื้อ G-Token ยังไง?
A : ลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต เช่น โบรกเกอร์และแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วรอจัดสรรแบบ "รายย่อยมาก่อน" (small lot first)
Q : G-Token เป็นพันธบัตรหรือหลักทรัพย์ไหม?
A : ไม่ใช่พันธบัตรหรือหลักทรัพย์ในทางเทคนิค เพราะออกภายใต้มาตรา 10 ของ พ.ร.บ. การบริหารหนี้ฯ แต่ถือว่าเป็น "โทเคนดิจิทัล" ภายใต้ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ
Q : ต่างจาก Stablecoin ยังไง?
A : G-Token คือเครื่องมือส่งเสริมการออมและลงทุนจากภาครัฐ ส่วน Stablecoin มีเป้าหมายเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีการตรึงมูลค่าไว้ ฟังก์ชันต่างกันคนละเรื่อง!