เอ็ดเวิร์ด ดาวด์ อดีตผู้จัดการกองทุนระดับท็อปจาก BlackRock ออกโรงเตือนแรงผ่าน Market Disruptors ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าสู่หายนะทางการเงินครั้งใหม่ ทั้งจากฟองสบู่เทคโนโลยี ไปจนถึงวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ชี้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มดิ่งเหวถึง 50% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แนะประชาชนเตรียมรับมือ ลุยถือเงินสด ทองคำ หรือพันธบัตรรัฐบาล อย่าเพิ่งฝากใจไว้กับคริปโต
ดาวด์เปิดเผยว่า สัญญาณอันตรายเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ปี 2565 ทั้งยอดใบอนุญาตก่อสร้างบ้านที่ลดลง และค่าเช่าที่ร่วงเป็นใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง ล้วนบ่งบอกถึงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจะแตกอย่างเงียบงัน
นอกจากนั้น เขายังชี้ว่าการลดการใช้จ่ายภาครัฐและการชะลอการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะกลายเป็นแรงฉุดเศรษฐกิจในระยะกลาง โดยตลาดหุ้นมีโอกาสดิ่งลงครึ่งหนึ่งเหมือนในอดีต ทั้งตอนฟองสบู่ดอทคอมและวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
“เรามองว่าภาวะถดถอยจะมาเร็วๆ นี้ และตลาดจะลงจุดต่ำสุดราวไตรมาสแรกปี 2569 จากนั้นจึงจะเริ่มฟื้นตัว นี่คือกรณีดีที่สุดแล้ว” ดาวด์กล่าว
โดยข้อมูลล่าสุดยังชี้ว่า ดัชนีดาวโจนส์ได้เริ่มส่งสัญญาณแล้ว โดยหล่นจากจุดพีค 45,073 จุดในเดือนธันวาคม 2567 เหลือเพียง 38,314 จุดในเดือนที่ผ่านมา ร่วงไปแล้วกว่า 15% ซึ่งยังถือว่ายังไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ดาวด์คาดว่า "กำลังจะมา"
เขาโยงจุดวิกฤตไปถึงหนี้ทั่วโลกที่ระเบิดได้ทุกเมื่อ โดยช่วงโควิดเป็นเพียงการกลบเกลื่อนด้วยการพิมพ์เงินสดอัดฉีดเข้าไปในตลาด และการออกมาตรการกระตุ้นแบบสิ้นคิด ขณะที่ตอนนี้การผิดนัดชำระหนี้ในสินเชื่อรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ก็กำลังพุ่งไม่หยุด
ดาวด์ยังเตือนว่า แรงกดดันจากเงินฝืดอาจทำให้ Fed ต้องกลับลำ ลดดอกเบี้ย และหวนกลับไปพิมพ์เงินอีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมความเปราะบางของระบบการเงินให้แย่ลง และทำเศรษฐกิจเสียหายมากขึ้น อีกทั้งที่กำลังฟื้นตัวก็อาจหยุดชะงักลง
อย่างไรก็ตามแนวทางป้องกันสำหรับภาพวะเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง เขาแนะนำว่า "ควรถือเงินสด ทองคำ และพันธบัตร แต่อย่าไว้ใจบิทคอยน์ และคริปโตในระยะสั้น เพราะยังแกว่งแรงและโยงกับสินทรัพย์เสี่ยงเหมือนเดิม" ดาวด์ กล่าวทิ้งท้าย