การประกาศไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงิน 5.5 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ เป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ ปลุกให้หุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA พุ่งทะยานขึ้นต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนขาขึ้นรอบนี้ อาจปิดฉากลงชั่วคราวเสียแล้ว
เพราะการซื้อขายเมื่อวันอังคารที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มมีแรงขายไหลทะลักเข้ามา จนราคาไปต่อไม่ไหว แม้เปิดการซื้อขายช่วงแรก ราคาจะพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 3.24 บาท และเป็นราคาสูงสุดในรอบนี้ แต่อ่อนตัวลงมาปิดที่ 2.96 บาท ลดลง 20 สตางค์หรือลดลง 6.33% มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 891.18 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 9 เมษายน ระหว่างชั่วโมงซื้อขาย EA ลงไปต่ำสุดที่ 1.73 บาท และถือเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2556 หรือเมื่อ12 ปีก่อน เพราะมีแต่ข่าวร้ายรุมกระหน่ำ
ผู้บริหารระดับสูงถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษในความผิดทุจริต และยังถูกบังคับขายหุ้นหรือ FORCE SELL ขณะที่บริษัทมีปัญหาสภาพคล่อง ไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ได้ตามกำหนด นอกจากนั้นผลประกอบการปี 2567 ยังขาดทุนมโหฬาร 4,630.01 ล้านบาท
หุ้น EA จึงถูกถล่มขาย พร้อมบริษัทในกลุ่ม ทั้งหุ้น บริษัท เน็กซ์ พอทย์ จำกัด (มหาชน) และหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด จนราคาดิ่งลงเหวลึก จากราคาที่เคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 105.50 บาท ทรุดลงมาต่ำสุดที่ 1.73 บาท พร้อมความวิตกกังวลของนักลงทุนว่า EA จะรอดหรือไม่ จะมีเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ที่เลื่อนออกไปประมาณ 10 เดือนหรือไม่ กิจการจะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ เพราะมีปัญหาสภาพคล่องและทุนหมุนเวียน
แต่ EAได้ตัดสินใจขายทรัพย์สินบางส่วน และเพิ่มทุนระดมเงินจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยนำหุ้นใหม่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท ระดมเงินได้ 7,426 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2568 ทำให้บริษัทหลับมามีสภาพคล่อง และมีเงินเตรียมไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งหมด 5.5 พันล้านบาท
นักลงทุนแห่กลับเข้ามาเก็งกำไรหุ้น EA รอบใหม่ ราคาจากจุดต่ำสุดที่ 1.73 บาท จนขึ้นมาสูงสุดที่ 3.24 บาท เพิ่มขึ้นมา 1.51 บาท หรือเพิ่มขึ้น 87.23% ภายในเวลาเดือนเศษ
รอบนี้ถือว่า EA วิ่งมาไกล และน่าจะตอบรับข่าวการไถ่ถอนหุ้นกู้ 5.5 พันล้านบาท จนเต็มอิ่มแล้ว ความกังวลว่า EA จะหาเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ได้หรือไม่ จบลงแล้ว แต่สิ่งที่จะต้องเฝ่าจับตากันต่อไปคือ ผลประกอบการของบริษัทจะเป็นอย่างไร แม้ว่า ไตรมาสแรกปีนี้ จะกลับมามกำไรสุทธิ 252.33 ล้านบาทก็ตาม
แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า EA ฟื้นคืนสู่สถานการณ์ปกติ และมีความสามารถในการทำกำไรเหมือนอดีตแล้ว
ผู้ถือหุ้นรายย่อย EA พุ่งพรวดระหว่างปี 2567 ถึง 2568 จากจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 42,659 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 40.04% ของทุนจดทะเบียน เมื่อปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 11 มีนาคม 2567 เพิ่มเป็น 66,581 ราย ถือหุ้นรวมกัน 56.56% เมื่อปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 17 มีนาคม 2568
สะท้อนให้เห็นว่า ในช่วงที่ผู้บริหารถูกบังคับขายหุ้น และราคาหุ้นทรุดลงมาต่ำมาก มีนักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปช้อนซื้อ จนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย EA พุ่งขึ้นกว่า 20,000 รายภายในรอบ 1 ปี
หุ้นทุกตัวมีราคาที่เหมาะสมในตัวเอง รวมทั้ง EA ซึ่งข่าวดีการไถ่ถอนหุ้นกู้ 5.5 พันล้านบาท นักลงทุนอาจซึมซับรับข่าวไปหมด ราคาจึงไปต่อไม่ได้ และต้องรอคอยข่าวดีชิ้นต่อไปเข้ามากระตุ้น
การเก็งกำไร EA รอบนี้อาจปิดฉากลงชั่วคราว และอาจต้องรอดูผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ว่า จะแสดงผลกำไรได้เข้าตานักลงทุนหรือไม่
ส่วนระยะสั้น ราคาอาจเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด และอาจจุดพลุเก็งกำไรได้อีกหน่อย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ปลดเปลื้องหนี้หู้นกู้ 5.5 พันล้านบาทได้แล้ว